ค่ายพี่สอนน้อง ตอนที่ 2


วันเปิดค่าย
    ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนแรกแนะนำให้ไปอ่านตอนแรกก่อนนะครับ ที่นี่ 
     ตอนที่แล้วผมบอกไปแล้วว่าแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้ไปสอนวิชาอะไรๆ เป็นหัวข้อๆ ซึ่งของตัวผมเองที่เลือกคือวิชาคณิตศาสตร์ในหัวข้อ ฟังก์ชั่นเอ็กซ์โพเนนเชียล และฟังก์ชั่นลอการิทึม เหตุผลที่ผมเลือกหัวข้อนี้เพราะผมคิดว่าเป็นเนื้อหาคณิตศาสตร์ในระดับ ม.ปลาย ที่มันส์ที่สุดแล้ว มันส์ในที่นี้คือ เวลาแก้โจทย์เสร็จอาจทำให้ตะโกนออกมาว่า "ยูเรก้า" โดยไม่รู้ตัว ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะว่ามันจะตามติดตัวไปแบบเนียนๆตอนเรียนมหาวิทยาลัยในแทบจะทุกวิชาต้องเอาความรู้เรื่องนี้มาใช้ (อีกเรื่องที่ยังนำมาใช้แบบเนียนๆก็คือฟังก์ชั่นตรีโกณมิติ แต่ผมละโคตรเกลียดเลย) 
ดูจริงจังมาก แต่จริงๆ ฮามาก
     พอวันสอนจริงน้องที่สอนเรื่องลำดับและอนุกรมซึ่งเป็นเรื่องก่อนผมสอนเกินเวลาไปห้านาที ทำให้ผมมีเวลาน้อยลงและผมสอนก่อนพักเที่ยงด้วย ก็เลยต้องจำกัดเวลาแบบเป๊ะๆ ตอนนั้นผมก็เลยเร่งๆสอนโดยบอกสมบัติพื้นฐานของฟังก์ชั่นเอ็กซ์โพเนนเชียล แล้วก็ตามด้วยโจทย์ตัวอย่างหนึ่งข้อ เสร็จแล้วก็สมบัติพื้นฐานของฟังก์ชั่นลอการิทึมแล้วก็ตามด้วยโจทย์ตัวอย่างหนึ่งข้อทำเวลาดีมาก เหลือเวลาอีก 10 นาทีจะเที่ยงแต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ข้าวเที่ยงยังไม่มาครับแล้วผมต้องยื้อเวลาไปอีกอย่างน้อย 30 นาที โชคดีที่ผมมีโจทย์ตุนเอาไว้อยู่เลยพาน้องทำโจทย์ไปด้วย นอกจากนั้นแล้วก็ทะเลเรื่อง ความสวยงามของคณิตศาสตร์ไปด้วย ซึ่งอย่างหลังน้องตั้งใจฟังดีชะมัด อีกอย่างคือแอบสอนภาษาอังกฤษในตัวเพราะผมชอบเผลอพูดไทยคำอังกฤษคำ แต่พอรู้ตัวว่าเผลอพูดอังกฤษก็จะบอกความหมายน้องไปเลย น้องเลยได้รับไป 3 อย่างเต็มๆคือ ความรู้ ทะเล อังกฤษ สุดท้ายข้าวมาเกือบบ่ายโมงครับผมพาน้องทะเลไปไกลมาก ตอนท้ายๆ แต่ก็ผ่านมาด้วยดีและได้กินข้าวอิ่มกันทุกคน
เป็นการสอนที่ใช้เทคนิคการ "แถ" อย่างแท้จริง
     อีกวิชาหนึ่งที่ผมได้สอนก็คือวิชาภาษาอังกฤษครับ คือจริงๆค่ายนี้จุดเน้นหลักๆคือ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี แต่ก็มีการจัดอังกฤษและคอมพิวเตอร์ปนไปด้วย แล้วผมก็มัวแต่ทำเนื้อหาคณิตศาสตร์ของตัวเองกับรวมชีตทั้งหมดอยู่ด้วยสุดท้ายก็เลยไม่มีเวลาทำเนื้อหาภาษาอังกฤษเลย พอถึงวันจริง (ผมสอนอังกฤษก่อนคณิต) เพื่อนผมไม่สอนคอมฯ ทำให้อังกฤษผมจากเวลาเดิมที่เคยมี 30 นาที กลายเป็น 1 ชม. ทันที พอถึงเวลาสอนจริงทะเลก่อนเลยครับ ไม่มีวิชาการเลยเพราะผมไม่ได้เตรียมไรมา คิดอะไรได้เห็นอะไรได้ตอนนั้นจับมันมาเป็นภาษาอังกฤษหมด ซึ่งในช่วงแรกผมยืนสอนแต่เอาไปเอามานั่งดีกว่า เนื้อหาที่สอนส่วนใหญ่ก็คือศัพท์กับรากแล้วก็วิธีการเปลี่ยนรูปมัน ซึ่งพูดง่ายๆครับ แถแหลก และก็มีน้องมาช่วยยิงมุกข้างๆด้วย (ถ้าสอนคนเดียวนี่อาจตายคาที่ปิ้งสไลด์ได้) สรุปแล้วผมไม่พอใจการสอนอังกฤษของผมเท่าไร แต่พอถามน้องปรากฏว่าชอบมาก เลยกลับมาถามตัวเองนี่ตรูสอนดีขนาดนั้นเลยเหรอชมกันจัง
เนียน
     งานของผมที่ค่ายอีกงานหนึ่งก็คือถ่ายรูปครับ จริงๆแล้วก็ไม่ใช่งานที่ได้นัดหมายมาล่วงหน้าด้วย แต่พอถึงเวลาจริงกลายเป็นผมเป็นหลักครับที่ต้องเก็บบันทึกภาพในงาน การได้ถ่ายรูปทำให้รู้ว่าช่างภาพจะสำคัญที่สุดตอนจบครับ ระหว่างนั้นเราจะอยู่แทบทุกเหตุการณ์ คอยสังเกตุการณ์อย่างเงียบๆ ผ่านไปมากลางฝูงชนแต่เราจะไม่ค่อยได้เป็นส่วนหนึ่งหรอก แค่เป็นผู้สังเกตุการณ์
     กล้องที่้ใช้ตอนแรกสุดเป็น DSLR like ของ Sony รุ่นอะไรจำไม่ได้แล้วผมรู้แต่ว่ามันคล่องตัวดีมาก (ตัวเล็กดี) แล้วก็ปรับอะไรๆได้พอไหว แต่ที่กล้องตัวนี้เอาไม่ค่อยอยู่คือความมืดครับ ดัน ISO ได้แค่ 3200 Noise ก็บานจนภาพใช้ไม่ได้แล้ว กล้องตัวนี้เลยเก็บบันทึกเหตุการณ์ตอนกลางวันกับตอนเช้าเป็นหลัก
     กล้องอีกตัวเป็นของเพื่อนครับตอนแรกว่าจะไม่ใช่เป็นหลักเอาไปเอามายึดเลย เป็น Canon EOS 550D มาพร้อมกับ 18-55 ซึ่งทนแทนข้อเสียของ Sony ได้เกือบหมดมีระบบจัดการ Noise ดีมากและความเร็วก็สูงพอที่จะทำให้ผมไม่พลาดเหตุการณ์ต่างๆไปในหลายๆเหตุการณ์ ข้อเสียอย่างเดียวที่ผมไม่ชอบคือ 18-55 มันสั้นไปในหลายๆสถานการณ์ครับ ทำให้ต้องเดินบ่อยกว่าปกติในหลายๆครั้ง และละลายหลังไม่ได้มากด้วยทำให้ภาพออกมาไม่ค่อยอาร์ตเท่าไร (อันหลังนี่เรื่องมากเอง)
     เหตุการณ์ที่มันส์ที่สุดก็ตอนตามถ่ายรูปแต่ละฐาน ค่ายนี้แบ่งเป็น 3 บ้านและฐานก็มี 3 ฐานนั่นหมายถึง 3x3 เหตุการณ์ที่ผมต้องตามเก็บให้ได้หมด จำได้ว่าต้องวิ่งวนเป็น 3 เหลี่ยมหลายรอบเลยพลาดหลายเหตุการณ์ไปบ้างแต่ก็เก็บมาได้เยอะ หลังจากนี้ถ้าต้องทำแบบนี้อีกขอ Tele นะไม่อยากวิ่งแล้ว
ธงหาย !!
     ปัญหาธงหาย เป็นปัญหาคลาสสิกของค่ายแต่ความหนักแรงนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละค่าย ค่ายนี้ถือว่าดราม่าระดับเบาๆ แต่เพื่อเป็นการทดสอบความเป็น Unity และ Spirit ของน้อง ผมไม่ลงรายละเอียดดีกว่า แต่ก้เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเหตุการณ์หนึ่งในค่ายนี้
มืดสุดๆ 550D 18-55 f/3.5 1/2s ISO 2500
     อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นเหตุการณ์ประทับใจในค่ายคือพิธีบายศรีสู่ขวัญ เป็นช่วงเวลาที่น้องจะได้คุยกับพี่ๆ อย่างที่ไม่มีโอกาสมาก่อน มักจะเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ที่ Peak ที่สุดของค่ายซึ่งในค่ายนี้คือสันฯใหญ่ โดยจะเริ่มด้วยการปิดไฟแล้วให้น้องหลับตา หลังจากนั้นจะเริ่มทำการปรับอารมณ์น้องให้เข้ากับบรรยากาศโดยพี่ๆจะทำการพูดสอนน้องสลับกันไป เสร็จแล้วก็จะพาน้องเริ่มเดินไปทั้งๆที่หลับตาอยู่โดยให้จับมือกันเอาไว้อ้อมไปสุดขอบโลกแล้วก็กลับมาถึงบริเวณพิธี (ซึ่งระหว่างน้องกำลังโดนปรับอารมณ์และเดินพี่ๆอีกส่วนก็ต้องแยกไปเตรียมสถานที่) ก่อนจะให้น้องนั่งแล้วลืมตามาเจอพี่ๆตรงกับตำแหน่งระหว่างนั้นก็จะมีเพลงเล่นอยู่กลางวง โดยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เข้ากับบรรยากาศมาก

     ตอนพิธีบายศรีนี่แหละที่งานของผมลำบากมาเพราะในสภาวะมืดสนิท การจะถ่ายรูปได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ลองวิธีแรกด้วยการใช้แฟลชแต่ภาพก็ออกมาห่วยมาก แต่พอเทียนเริ่มจุดเยอะขึ้น แสงก็พอมีอยู่ร่ำไรพอปรับลด Speed Shutter หน่อยก็ใช้ได้แล้วแต่ก็ต้องเจอปัญหาตามมาคือภาพสั่นในหลายๆครั้งซึ่งการถ่ายภาพต่อคนนั้นตกไปประมาณ 5 ภาพกว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุดออกมา ภาพที่สวยที่สุดคือภาพข้างบนซึ่งผมต้องปีนไปบนโต๊ะกว่าจะหามุมนี้ได้ แม้จะได้ไม่ครบทุกคนแต่ก็ 80% แหละ และเพราะการที่ผมมัวแต่ถ่ายรูปอยู่เลยเกือบไม่ได้บายศรี เพราะฉะนั้นหลังจากวนถ่ายครบทุกคนจนคิดว่าไม่น่าจะพลาดอะไรแล้วก็หามุมนั่งแล้วก็เริ่มคุยกับน้องบ้าง (ผมก็ชอบคุยกับน้องเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้คุยเพราะมัวแต่ถ่ายรูปอยู่) ทำให้รู้ความฝันของเด็ก ม.4 หลายๆคนซึ่งทำให้มองย้อนกลับมาหาตัวเองว่าตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ แล้วเรากำลังทำอะไรอยู่ตอนเราอายุเท่านั้น บางคนก็ฝันยิ่งใหญ่ บ้างก็ไม่มีความฝัน บางคนประทับใจมากแต่บ้างก็เฉยๆ ซึ่งเราจะคาดหวังให้ทุกคนประทับใจมันเป็นไปไม่ได้
550D 18-55 f/6.3 1/15s ISO 4000
     อีกงานหนึ่งซึ่งเป็นผลจากการเป็นช่างภาพคือทำสไลด์ครับ แล้วผมต้องรวบรวมรูปเยอะมากแล้วตอนนั้นหลังพิธีบายศรีก็เป็นผมคนเดียวที่มีรูปครบทุกเหตุการณ์ "คนเดียว" ตอนแรกกะจะว่าให้คนอื่นช่วยทำเลยคัดลอกรูปจากในเครื่องลง External HD ซึ่งมันบอกเวลาว่า 30 นาทีครับผมก็นอนรอเลยเพราะคืนนี้คงไม่ได้นอน พอ 30 นาทีตื่นมายังไม่เสร็จยังมึนๆอยู่ไม่ต้องละกด Cancel ช้าชะมัดกระชากสาย USB ออกแล้วเสียบเข้าไปใหม่ เสร็จแล้วก็ทำการลบทั้งโฟลเดอร์ที่ยังคัดลอกไม่เสร็จ แล้วตอนนั้นผมคงจะมึนมากก็เลยกดลบทั้งโฟลเดอร์ในเครื่องด้วย พอหลังจากรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ตาสว่างเลยครับคิดในใจอย่างเดียวว่าตรูตายแน่ๆ ก็เลยไปหาเพื่อนถามหาโปรแกรมกู้ไฟล์มันมีครับ (Recovery My Files) รันดูเวลาผ่านไปอย่างยาวนานมันเจอครับแต่พอผมจะกดเซฟกู้คืน มันไม่ให้ทำครับไม่มีคีย์ เอาแล้วเน็ตก็ไม่มี ณ ตอนนั้นสภาวะตันมากตัดสินใจกัดฟัน ลงไปตามหาสัญญาณอินเตอร์เน็ตในโรงเรียนคนเดียวมืดๆ ย้ำคนเดียวมืดๆ ฝนตกรินๆด้วยเป็นบรรยากาศยะเยือกมาก สุดท้ายผมก็หาสัญญาณจนเจอครับ แถมโชคดีหาคีย์เจอด้วย (ถ้าตอนนั้นหาคีย์ไม่เจออาจน้ำตาไหลพรากได้) ได้คีย์แล้วแบตเตือนก็เลยกลับไปห้องแล้วเซฟไฟล์ที่กู้ และเพื่อความชัวร์เลยคัดลอกใส่ external เพื่อนอีกตอนนี้เกือบจะสว่างแล้วเลือกรูปได้ 4 สไลด์ก็สลบไป ตื่นมาอีกทีเจ็ดโมงเช้าเลือกรูปต่อลงมาปั่นสไลด์ใส่เพลงเสร็จปั๊ปได้ฉายทันทีทันพิธีปิด เป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลย...

Comments