จากผู้ชายที่ถ่ายรูปไม่เป็นสู่ 17 likes ใน 17 นาที

Canon A3200 IS 1/20s f/2.8 ISO 100 -1.0EV 
     ขอเวลาหายตกใจก่อน เพราะว่าตั้งแต่ผมถ่ายรูปมาไม่เคยมีคนกดไลค์มากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆมาก่อน  เรื่องก็คือเย็นวันนี้ผมตั้งใจจะไปถ่ายแนว Street อีกแต่ว่าออกจากบ้านช้าไปหน่อยแสงก็หมด ตอนนั้นอับจนมากไม่รู้จะถ่ายอะไร มองมาทางขวาเห็นท้องฟ้าแค่นั้นแหละก็เกิดรูปนี้ขึ้นมา
     พอมีคนมากดขนาดนี้ก็ทำให้ผมนึกย้อนไปทันทีว่าเรามาไกลแค่ไหนแล้วจากจุดเริ่มต้น ซึ่งจริงๆแล้วแต่ก่อนผมเป็นคนที่โคตรจะเกลียดการถ่ายรูปเลยด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่แล้วก็มีใครคนนึงเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ @Pugkee_mI เขาเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปมาก แล้วเมื่อเราสนิทกับใครมากๆเราจะชอบอะไรเหมือนคนนั้นใช่มั้ยครับ ใช่ครับอยู่ดีๆผมก็อยากถ่ายรูป

     วันที่ 6 ส.ค. เป็นวันแรกที่ผมได้จับ DSLR กับมือจำได้แม่นเลยว่าเป็น Nikon D90 ผมจำได้ว่าวันนั้นไปถ่ายรูปกับ @Pugkee_mI แล้วคอมเมนต์ที่ได้รับวันนั้นคือถ่ายได้ห่วยมาก แน่ละสิครับเป็นใครเจออย่างนั้นก็ปวดครับ แล้วผมก็ยอมรับว่าผมถ่ายได้ห่วยจริงๆ
     พอหยุดวันแม่ผมมีโอกาสกลับบ้านอย่างแรกๆที่ทำคือกลับไปเปิดหนังสือเกี่ยวกับถ่ายรูปที่บ้านอ่านครับ พอความรู้เริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มอยากลองของ แต่กล้องตัวเดียวที่ผมมีคือ Sony DSC-T5 ซึ่งเก่ามากๆ แต่ก็อย่างที่ผมอ่านเจอในพันธ์ทิพย์อุปกรณ์เป็นปัจจัยแค่ 10% เอาวะแค่คอมแพคก็เอา
     แต่การทดลองด้วยตัวเองครั้งแรกๆมักจะไม่ได้รับผลที่พอใจเสมอ ผมเอามาให้ @Pugkee_mI คอมเมนต์เหมือนเดิมและก็ค้นพบว่าผมยังถ่ายได้ "ห่วยแตก" เหมือนเดิมในหลายๆจุดที่ผมมองข้ามไปแต่สำคัญสุดคือผมไม่ได้คิดจัดองค์ประกอบเลย Point-n-Shoot ลูกเดียว
Sony DSC-T5 1/400s f/8 ISO 64
     แล้วผมก็ยังไม่รู้จะถ่ายอะไรอีกครับนั่นเป็นปัญหาอย่างแรกๆที่ค้นพบและผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับการทดลองมาโครเพราะว่าตอนนั้นมันตื่นตาตื่นใจมากที่คอมแพคทำให้หลังเบลอได้ พอสอบปลายภาคเสร็จถึงได้กลับมาเริ่มอ่านอีกครั้งคราวนี้ไปลุยเรื่องแสง ซึ่งใช้เวลาอ่านมากกว่าเล่มแรกเยอะ อาจเป็นเพราะว่ามันเป็นหลักการที่ไม่พื้นฐานอีกต่อไปแล้ว แถมอ่านไปก็งงไปก็เลยใช้เวลานานมาก
     พอความรู้เริ่มแน่นก็ไปลองถ่ายรูปอีกตอนต้นเดือนที่ผ่านมามีพี่ให้ยืมกล้อง DSLR-like มาทำงานค่าย ซึ่งมันก็จะมีเวลาว่างบางช่วงที่พอว่างได้ที่ผมได้ไปลองใช้อะไรที่มันมีประสิทธิภาพกว่าคอมแพคบ้าง แค่ปรับสปีดชัตเตอร์กับรูรับแสงได้ผมก็พอใจแล้ว แล้วผมพอใจมากที่จะใช้โหมด M มากกว่าเพราะเก็บกดกับคอมแพคมานาน ณ เวลานั้นได้ทดลองถ่ายแบบ Silhouette , ภาพกีฬา และลองอีกอย่างนึงที่สำคัญมากคือเริ่มจัดองค์ประกอบภาพให้ได้ การทดลองในเย็นวันนั้นให้ผลดังภาพข้างล่างครับ
Sony DSC-H5 1/800s f/2.7 ISO 80
     แล้วพอไปค่ายพี่สอนน้องก็ได้จับ DSLR อีกครั้งแต่คราวนี้เป็น Canon EOS 550D ซึ่งแน่นอนว่าประสิทธิภาพดีกว่า DLSR-Like ตัวข้างบนแน่ และต้องยอมรับว่าสามารถรองรับสถานการณ์ได้มากกว่า ในเวลานั้นอะไรหลายๆอย่างเริ่มจะเปลี่ยนไปผมเริ่มจะคิดก่อนถ่ายมากขึ้น และเริ่มรู้ว่าต้องการอะไรจากกล้องและเรียนรู้ว่ากล้องให้อะไรเราได้บ้าง แต่สุดท้ายมันก็ยังมีบางภาพที่ห่วยแตกอยู่ แต่ก็น้อยกว่าแต่ก่อนเยอะในความคิดตัวเอง และเริ่มมีภาพที่ตัวเองคิดว่าสวยจริงๆก็งานนี้แหละ
Canon 550D 1/2s f/3.5 ISO 2500
     พอกลับบ้านหลังจากค่ายเริ่มค้นคว้ามากขึ้นค้นพบว่าการถ่ายรูปมันมีหลายแนวมาก แล้วก็ไปสะดุดกับแนวนึงที่เขาเรียกกันว่า Street Photography ซึ่งผมดูแล้วจากการพิจารณาว่าตัวเองถ่ายห่วยแตกอยู่และการถ่ายรูปเป๊ะๆ ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แนวนี้จึงดูเหมาะมากเพราะ ถ่ายขาวดำเป็นหลัก , ไม่แบกควายไปถ่าย และได้ไปนั่งดูความรู้สึกคนด้วย แค่นี้แหละคอมแพคก็เอาอยู่ หลักการถ่ายรูปแนว Street Photography มีคนบอกไว้ว่าภาพที่ดีต้องมีครบทั้ง D.I.E. จะมีแค่อย่างใดอย่างนึงไม่ได้คือ
     Design คือภาพนั้นต้องบอกได้ว่าวัตถุแวดล้อม รวมถึงเสื้อผ้าในขณะนั้นมีเอกลักษณ์อย่างไร
     Information คือภาพนั้นต้องสื่อความหมายอะไรบางอย่างได้
     Emotion คือภาพนั้นต้องสื่ออารมณ์ออกมา (ณ จุดนี้ภาพขาว ดำ จะมีประโยชน์ขึ้นมาทันตา)
     พออ่านเสร็จทำการทดลองเลยครับสถานที่คือที่ๆ คนเยอะ ตลาดอินโดจีน ถูกเลือกเป็นอันดับแรก วันทดลองวันแรกผ่านไปพร้อมกับความปวดใจว่าแบตหมดเร็วเกิน พอวันที่สองก็เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกทำให้ถ่ายไม่ได้ แล้วพอมานั่งดูรูปที่ถ่ายๆมา มันก็ยังห่วยแตกเหมือนเดิมแม้ว่าผมจะคิดว่ามันตรงกับ D.I.E แล้วก็เถอะ ดังภาพข้างล่าง
Canon A3200 IS 1/1250s f/5.9 ISO 400
     จากเรื่องราวทั้งหมดก็นับว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากทีเดียวตั้ง 2 เดือนกว่า ซึ่งวันนี้ทำให้ผมได้ตระหนักว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจากการเรียนรู้ ทั้งอ่าน + ประสบการณ์ แต่ก็อย่างที่ผมพูดตลอดแหละครับ ผมยังถ่ายได้ห่วยแตกเหมือนเดิม

ปล.คำพูดที่คมที่สุดระหว่างการเดินทางครั้งนี้คือ "ถ้าคิดจะเอากล้องฟิล์มไปถ่ายแบบนี้ระวังจะไม่มีตังค์กินข้าวนะ"

Comments