เรื่องง่ายๆ ที่ไม่มีใครสอน


       ผมคิดมาสักพักละว่าตั้งแต่ทำงานมาได้จนเกือบจะสองเดือนละ ทำไมผมถึงไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองก่งก๊ง (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรละ) เลยเวลาทำงาน คำตอบง่ายๆ คือ ผมจัดการชีวิตตัวเองโดยตลอดครับ แต่ของแบบนี้มันไม่ได้เริ่มต้นปั๊ป จะทำได้เลย บล็อกนี่เลยจะมาพูดถึงวิวัฒนาการจากความก่งก๊งจนไม่ก่งก๊งกัน
       ถ้าจะให้ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นจริงๆ ผมคงต้องย้อนไปถึงสมัยเรียนปี 2 ครับ ตอนนั้นผมเริ่มคิดแล้วว่า ทำไมลายมือตัวเองมันห่วยแตกจังฟระ คือเวลานั่งเรียนๆ แล้วต้องซื้อชีตมานั่งจดเล็กเชอร์อาจารย์ไปแล้ว ผมกลับมาอ่านลายมือตัวเองไม่ออกครับ หรือถ้าอ่านออกมันก็จะติดปัญหาที่ว่ามันไม่ปะติดปะต่อกัน รวมถึงหลายๆ ครั้ง "ชีตหาย" หาไม่เจอ เปียกน้ำ ขาด บลาๆ ปัญหาเหล่านี้ ผมทดลองแก้ปัญหาครั้งแรกๆ โดยการลองใช้ Evernote ครับ

src: http://blog.evernote.com/
       แต่ตอนนั้นยังไม่กล้าเปลี่ยนมาใช้หมด เลยทดลองกับบางวิชา (เช่น OS ) กับจดงานชุมนุมหรือกลุ่ม ซึ่งการเปลี่ยนผ่านเป็นไปได้ด้วยดีในระดับหนึ่งครับ ผมสามารถเก็บรายละเอียดวิชา OS ได้มากขึ้นกว่าวิชาอื่น เรียกได้ว่าพอเอามาปรินต์อ่านนี้เกือบๆ 30 แผ่น A4 รวมถึงค้นหาหัวข้อ อะไรต่างๆ Highlight หรือแก้ก็ง่าย (ถ้ายังไม่ปรินต์ออกมา) ดูเหมือนจะมีแต่ข้อดีใช่มั้ยครับ มันยังมีข้อจำกัดอยู่
       ข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดเลยในตอนนั้นคือ หลายๆ ครั้งเวลาอาจารย์อธิบายจะวาดรูปบนบอร์ดครับ แล้ว เห้ยผมไม่ได้จดใส่กระดาษ จริงๆ Evernote สามารถวาดรูปได้นะครับ แต่การวาดรูปตามจาก Touchpad นี่มันเป็นอะไรที่ Here มาก (ยิ่งตอนนั้นใช้ Thinkpad Edge 11 แล้ว ตุ่มแดงนี่แทบจะติดนิ้วเลย) ซึ่งวิธีแก้ตอนนั้นคือ ถ่ายรูปเอาแล้วเอามาเพิ่มใส่ทีหลัง (ซึ่งก็แค่พอถูไถได้เพราะตรงบอร์ดมักจะปิดไฟเพราะฉาย Projector อยู่) รวมถึงข้อจำกัดที่ว่าต้องแบก Notebook ไปด้วยตลอด แต่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ผมใช้ต่อมาอีกหลายเดือนจนถึงปี 3 ซึ่งเปลี่ยนไปใช้ Microsoft OneNote แทนด้วยเหตุผลอะไร ก็ลืมไปแล้ว แต่ก็แทบไม่ต่างกัน


       จุดเปลี่ยนมันมาอยู่ตอนที่ฝึกงานครับ ในวันแรกสิ่งที่พี่ดาว (Supervisor) ให้มาเมื่อเจอหน้ากันครั้งแรกคือ สมุดหนึ่งเล่ม ปากกา 2 ด้ามและ โพสอิท 2 ปึก จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนที่ไม่ใช้โพสอิทนะครับ คือใช้มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วด้วยเพียงแต่ว่าพอเข้ามหาลัยปั๊ปมันก็ไม่ค่อยได้ใช้อีก (เพราะจดใสชีตเอาหรือไม่ก็ตามข้างบน) จนกระทั่งฝึกงานแรกๆ ผมก็ไม่รู้จะจดอะไรลงโพสอิทหรอกครับ แต่เอาไปเอามาสมุดมันลำบาก เปิดโน๊ตบุ๊คตัวเองก็ไม่ได้เดี๋ยวโดน Marine โยนออกไป ก็เลยต้องใช้โพสอิท จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงไหนผมก็จำไม่ได้ครับ แต่รู้ตัวอีกที โพสอิทก็ติดเต็มมอนิเตอร์ตามที่เห็นในภาพ  ซึ่งมันสะดวกกว่าการจดลงบนสมุดเพราะมันก็แปะอยู่ข้างหน้าเลย แต่ข้อจำกัดก็ยังมีอยู่คือ มันเล็กครับ ยิ่งถ้าจดอะไรเยอะๆ ตัวหนังสือก็ยิ่งเละลงไปอีก ประกอบกับลายมือที่ห่วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การจดเยอะๆ บางครั้งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
       แต่ใช่ว่าจะมีข้อเสียนะครับ การปรับตัวมาใช้โพสอิท ข้อแรกที่เปลี่ยนความคิดไปเลยคือ เอาแต่ที่สำคัญจริงๆ สมัยจดลง Evernote หรือ OneNote นี่คือ แทบจะทุกคำพูด ทุกตัวอักษรที่เป็นไปได้ (เพราะพิมพ์มันเร็วอยู่แล้ว) แต่พอพื้นที่มันมีจำกัด กลายเป็นว่าจากที่เคยจดได้ทุกอย่าง ต้องมาย่อความลงไปในกระดาษแผ่นเล็กๆ พอย่อไม่ได้ก็เริ่มใช้คีย์เวิร์ดแทน บลาๆ


     เวอร์ชั่นสุดท้ายละครับ คือพอทำงานปั๊ป ผมก็ติดนิสัยโพสอิทมา แต่ ไม่มีตังค์ซื้อโพสอิท (ทั้งๆ ที่บริษัทนี้โพสอิทแปะเต็มบริษัทไปหมด) ไหนๆ ก็ไหนๆ ละผมก็เลยย้ายมาไว้บนคอมซะ เพราะพอจะรู้ว่ามันมี Service พวกนี้อยู่เรียกได้ว่ากลับสู่สามัญเหมือนสมัยย้ายไป Evernote เลย ตัวแรกที่มใช้คือ Lino ครับ ตอนใช้แรกๆ นี่ Happy มากเลยเพราะ มันย้ายความรกจาก ขอบจอไปอยู่ในจอแทน แต่พอยิ่งใช้นานวันเข้า มันก็ยิ่งรกขึ้นเรื่อยๆ หายากขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาละ มันเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมากกว่า
       เพื่อแก้ปัญหาข้างต้น ปัจจุบันผมย้ายมาใช้ Mural.ly แทนครับ ซึ่งนอกจากมันจะมีโพสอิทหลายแบบให้เลือกใช้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดและเป็นเหตุผลที่ผมย้ายมาใช้มันคือ มันโยงเส้นได้ครับ ซึ่งทำให้ได้ท่าในการจดแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นเยอะ ถึงแม้มันจะไม่ได้ลดความรกลงเลยก็ตาม


       สุดท้ายครับ ถึงแม้ตลอดหลายย่อหน้าที่ผ่านมาผมแทบจะพูดถึงแต่เครื่องมือ (ซึ่งแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหัวข้อเลย) แต่อันที่จริงแล้วแค่เครื่องมืออย่างเดียวมันคงไม่ได้ทำให้ผมหายก่งก๊งมาหลายปีแล้วหรอกครับ สิ่งที่ผมไม่ได้พูดถึงเลยตลอดหลายย่อหน้าที่ผ่านมาคือ วิธีการครับ และนั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมก็บอกไม่ถูกว่าคือยังไง แต่คำแนะนำสำหรับคนที่หลงผิดเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้คือ ในโลกนี้มีวิธีการหลายอย่างครับที่จะช่วยให้การทำงาน, การเรียน มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เพียงแต่คุณต้องออกไปหามันครับ Lifehacker เป็นหนึ่งในที่เริ่มต้นที่ดี เว็บนี้จะรวบรวมเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกเว็บหนึ่งที่ผมเคยเข้าประจำคือ HowtoGeek ครับ นอกจากจะหาตามเว็บแล้วแหล่งที่มาที่ดีอีกแหล่งคือ งานสัมมนาครับ ซึ่งในเมืองไทยก็มีจัดเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็น Barcamp หรือ Agile Thailand ที่กำลังจะจัดเร็วๆ นี้ ผมบอกไม่ได้หรอกครับถ้าไปงานพวกนี้จะได้อะไร แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ผิดหวังแน่นอน ก็หวังว่าที่เขียนมายืดยาวนี่น่าจะทำให้คนที่หลงเข้ามาได้ไอเดียอะไรบ้างหรืออย่างน้อยก็หายก่งก๊งผมก็ดีใจละ

Comments

Boy said…
Thank you for good knowledge.