2015

น่าจะเป็นภาพที่ประทับใจที่สุดของปีนี้แล้ว หลังจากถ่ายภาพนี้ไม่กี่นาทีพายุฝนก็ถล่มดาลัทจนหนาวเหน็บไปอีกพักใหญ่เลย... 
       ผมเคยคิดว่าปี 2014 จะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในชีวิตละ แต่พอผ่านปี 2015 มาผมก็ค้นพบว่าจริงๆ แล้วเราก็เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ปีนี้แหละ ไม่มีคำว่ามากหรือน้อย ของแบบนี้มันวัดเป็นปริมาณไม่ได้ แต่ที่แน่นอนอย่างนึงคือ เราเปลี่ยนไปในทุกๆ ปีในหลายๆ เรื่อง ปีนี้เริ่มต้นด้วยการบินซึ่งต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ผมบินเยอะมากตั้งแต่ PMDG 737 NGX, 777 ไปจนถึง Aerosoft Airbus X เข้าใจทุก Procedure ตั้งแต่เครื่องขึ้นจนจบ ทุกคำสั่งใน FMS Computer ทุก Switch ในห้องนักบิน บินขี้นลงเป็นร้อยรอบ สิบกว่าสนามบิน อัพเดทแผนที่อากาศ AIRAC ทุกเดือน วันเวลาเหล่านั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วจำไม่ได้ว่ากี่เดือน และมั่นใจได้ว่าในประเทศไทยมีคนไม่เกิน 20 คนที่มี FSX ที่ลง Plugin ได้ภาพที่สวยเท่าเครื่องผมแต่พอถึงจุดๆ หนึ่งผมก็หยุดไปเฉยๆ แล้วก็ไม่สนใจมันอีกเลย แปลกดีเหมือนกันนะ

หนึ่งในหลายๆ ภาพที่ถ่ายจาก Cockpit ใน FSX
       ประมาณช่วงกลางปีเป็นช่วงที่ผมเรียกได้ว่าคล้ายๆ กับปิดเทอมเล็ก ผมไปแบคแพ็คกับพี่ที่เวียดนามเดินจนขาลากในไซ่ง่อนยุวันนึง อีกสองวันต่อมาไปอยู่เมืองเล็กๆ  ที่ผมตกหลุมรักไปแล้วชื่อว่าดาลัท ยังไม่ทันหายเหนื่อยหลังกลับจากเวียดนามก็ไปเกาะช้างกับบริษัทต่อช่วงเวลาที่หยุดไปหนึ่งอาทิตย์จนแทบจะลืมแล้วว่าการทำงานคืออะไรจนกระทั่งหลังจากนั้นเป็นช่วงของคำว่ายุ่งเพราะโปรเจ็คที่ผมทำอยู่กำลังจะเอา Service ตัวใหม่ขึ้น น่าจะเป็นช่วงนี้แหละมั่งที่เวลาเฉลี่ยในการกลับจากที่ทำงานมันเริ่มดึกขึ้นแล้วก็ดึกขึ้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราทำงานหนักเกินไปรึเปล่า ชีวิตมันมีอะไรมากกว่านี้อีกรึเปล่า คำถามนี้อยู่ในหัวผมหลายวันจนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนแล้วผมก็ได้คำตอบ ผมเลือกที่จะตอบมันด้วยโจทย์ที่ยากที่สุดสองข้อเท่าที่ผมจะเลือกได้ และโจทย์สองข้อนี้แหละที่ทำให้ชีวิตในช่วงครึ่งปีหลังของผมนั้นมันสามารถลงไปถึงจุดที่ต่ำที่สุดได้เลยทีเดียว

       ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด ถ้าเรามองดูมันใหม่แล้วจริงๆ มันก็ยังมีสิ่งดีๆ หลายอย่างเกิดขึ้นมาบ้าง ผมไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดที่ทั้งโปรเจ็คที่เคยมีคนในทีมถึง 7 คนเหลือตัวเองอยู่คนเดียว แต่ผมก็ผ่านจุดนั้นมาได้แล้ว เฮ้ ผมยังไม่ตาย นอกจากนั้นแล้วผมค้นพบว่าความช่วยเหลือนั้น มักจะมาจากคนที่เราคาดไม่ถึงเสมอ 
       การที่คนๆ หนึ่งจะเปลี่ยนจากคนแปลกหน้า เป็นคนรู้จัก แล้วมาเป็นเพื่อนกันนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย มันต้องใช้เวลา แล้วถ้าคิดไปไกลมากกว่านั้น มันก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก ผมค้นพบคำตอบว่าการจะรู้จักใครสักคนนั้นถ้าเราไปเร่งให้มันเกิดสุดท้ายแล้วมันจะพัง แต่ถ้าเราปล่อยให้มันเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่คาดหวัง ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นเยอะเลย ในปีเดียวกันนี้เองหลายๆ คนที่เคยสนิท ก็ค่อยๆ หายไปจากชีวิต รู้มั้ยว่าตอนแรกๆ ที่ผมรู้สึกถึงเรื่องนี้มันออกจะรุนแรงซักหน่อย เวลาเราผูกพันธ์กับใครมากๆ เราก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป แต่ชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอถึงเวลานึงเราเกือบทุกคนก็ต้องจากกัน พอเวลาต่อมาผมก็เริ่มทำใจที่จะยอมรับมันได้มากขึ้น แล้วก็หาวิธีที่จะอยู่กับมันได้โดยที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจมากเกินไป

ถ้าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องพูดถึงเกี่ยวกับปีนี้ เหตุการณ์ในภาพก็คงไม่พูดถึงไม่ได้ #สามทหารหมี
       อ่านๆ ดูจากข้างบนนี่เหมือนปีนี้จะมีแต่เรื่องแย่ๆ นะ จริงๆ แล้วเรื่องดีๆ ปีนี้ก็เยอะมาก ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมได้เป็นเมนเทอร์ จริงๆ พูดง่ายๆ ก็คือมีเด็กฝึกงานในทีม แล้วคือเด็กสองคนนี้มันมีพลังบางอย่างแบบรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอ เอาจริงๆ ช่วงเวลาที่มีเด็กพวกนี้อยู่ในทีมนี่เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่รู้สึกดีมากเลยของปีนี้ รู้ตัวอีกทีเด็กสองคนนี้มันเก่งขึ้นมากกว่าครั้งแรกที่เจอไปอีก เป็นใครจะไม่ภูมิใจหละ
       อีกเรื่องที่ดีของปีนี้คือ ผมวิ่งมาได้ไกลกว่าที่คิดไว้เยอะเลย จากจุดเริ่มต้นในปี 2014 กับกรุงเทพมาราธอนระยะ 10K ปีนี้ถ่อไปวิ่ง Bikini Run บนชายหาดชะอำ วิ่งนิเทศรันอยู่จุฬา แล้วก็เลิกวิ่งไปหลายเดือนเลย แต่ระหว่างนั้นกลับมาเตะบอลแทนซึ่ง แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังแปลกใจว่าพาตัวเองมาถึงจุดที่ซื้อรองเท้าสตั๊ดไปเตะบอลทุกอาทิตย์ได้ไง ไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อว่าเตะบอล เพราะบอกทุกคนมาตลอดและก็เชื่อว่าตัวเองเตะบอลไม่เป็นมาตลอด ขอบคุณโปรเตอุส ยูไนเต็ดที่ทำให้ร่างกายกลับมาฟิตอีกครั้ง จนไปลุยฮาร์ฟมาราธอนที่กรุงเทพมาราธอนได้โดยแทบไม่ได้ซ้อมเลย ที่เด็ดกว่าก็คือมันไม่ใช่แค่ 21K แต่มันแถมระยะมาให้อีกเกือบ 7 กิโล แต่อย่างน้อยก็ทำให้ Goal หนึ่งในปี 2015 ผ่านไปได้จน Goal ปีถัดไปนี่เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมาราธอนแน่ๆ

Terrified, Mortified, Petrified, Stupified by you / 14 Nov 2015
       เรื่องแย่ๆ อย่างนึงของปีนี้คือผมอ่านหนังสือ "จบ" น้อยมาก คือไม่ใช่ว่าไม่ได้อ่านหนังสือเลยนะ ยังอ่านเหมือนเดิม แต่ว่าอดทนจนอ่านจบเล่มน้อยมาก จนหนังสือแทบจะทุกเล่มในห้องจะมีที่คั่นคาอยู่ไม่จุดใดก็จุดหนึ่ง ส่วนหนังปีนี้มีหนังดีๆ เยอะแต่ถ้าจะให้เลือกเรื่องที่ชอบที่สุดคงเป็น The Theory of Everything ที่ดูตั้งแต่เดือนกุมภา แต่ยังตราตรึงใจจนถึงสิ้นปี ที่เฉือนเอาชนะ The Martian ที่แทบจะมีครบทุกอย่างที่คนอย่างผมจะชอบ อีกสองสามเรื่องที่ไม่พูดถึงในปีนี้ไม่ได้คงเป็น Mad Max: Fury Road ที่ทุกฉากสวยยังกะภาพวาดในจินตนาการหรือ PK ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในความเชื่อแต่ก็ยังทำออกมาได้สนุกขนาดนี้ เพลงปีนี้ทั้งปีมีแต่ Luv (sic) Hexalogy ฟังวนไปวนมาทั้งปี แต่ถ้าจะให้เปรียบชีวิตปีนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากท่อนหนึ่งใน Part 5 ข้างล่างหละมั้ง

Though I like to pretend that this never happened
I can turn around and see you laughing
But the fact is you could never practice
Getting blind-sided and eating the wind shield
   
       สุดท้ายถึงปี 2015 จะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นมากกว่าเรื่องดีๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้หลังจากนั้นผมมองหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในโลกตามความเป็นจริงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน สิ่งที่อยากทำปีนี้นอกจากเอาเสื้อ Finisher กรุงเทพมาราธอนมาให้ได้กับอ่านหนังสือให้จบเล่มมากขึ้น ที่ทำอยู่แล้วก็ทำต่อไปอย่างจดหนังทุกเรื่องที่ดู ยังคงอยากทำอะไรเพื่อสังคมบ้างหลังจากปีที่แล้วก็ทำไม่สำเร็จไป อยากเอา Elixir มาทำโปรเจคอะไรซักอย่างที่มันใช้ได้จริง และอย่างสุดท้ายจริงๆ ที่อยากทำคืออยากพูดคำหยาบให้น้อยลง เพราะรู้สึกหลังๆ หลุดบ่อยมาก 6 ข้อก็พอมั้ง ปีที่แล้วตั้งไว้ 8 ข้อทำได้จริงๆ แค่ 3 ข้อเอง

ปล.ที่ไม่พูดถึงเรื่องงานเยอะมากเพราะอยากเก็บไปพูดทีเดียวตอนทำงานครบรอบสองปีเลย เลยดูเหมือนไม่ค่อยมีเรื่องเกี่ยวกับงานเท่าไรในปีนี้

2015 Goals conclusion
[/] Half Marathon [/] C++ 11 [/] Memory Movies (94) [ ] Laos [ ] Amateur Radio license [ ] RocketCast [ ] Project Hollow [ ] Community Contribution

สถิติปีนี้
- ไปงานแต่งงาน 2 ครั้ง
- ไปวิ่ง 4 งาน (Nitade Run, Bikini Run, TMB Parkrun, BKK Marathon) + 1 งานเชี่ยไรไม่รู้
- ขับแลมโบกินี่ 1 ครั้ง
- เตะฟุตซอลกี่ครั้งจำไม่ได้ละ
- ไปต่างประเทศ 1 ครั้ง (เวียดนาม)
- ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต
- ขึ้นเครื่องบิน 2 ไฟลท์ 4 สนามบิน 5 จังหวัดในวันเดียว

Comments