Now what

สำหรับหัวข้อในวันนี้คงต้องเขียนเป็นภาษาไทย เนื่องจากถ้าใช้ภาษาอังกฤษอาจสื่ออารมณ์ออกมาได้ไม่เต็มที่ วันนี้วันจันทร์ เป็นวันหยุดวันแรกหลังจากผ่านการเทรนสตาฟมาหนึ่งอาทิตย์ที่หนักหน่วงมาก ยังกับ Last Cheer ไม่มีผิดแต่การทำอะไรด้วยใจรัก มักจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเสมอ
วันนี้เป็นวันที่ผมรู้ข่าวร้ายที่กระทบจิตใจที่สุดในรอบหลายๆเดือน ผมย้ายภาคไม่ได้ครับ นั่นหมายความว่าผมต้องเรียนสาขาเดิมคือ "วิศวกรรมสารสนเทศ" ต่อไปยกเว้นทางเลือกสุดท้ายซึ่งจะว่ากันทีหลัง จริงๆแล้วหากมองที่โครงสร้างหลักสูตรดีๆ จะค้นพบว่าหลายๆวิชาในสาขาวิชานี้คล้ายคลึงกับสาขาคอมพิวเตอร์มาก แต่ไม่เหมือนกันเลยซะทีเดียว เหตุผลที่ผมได้มาเรียนในสาขานี้ตั้งแต่แรกคือสอบตรงติด ซึ่ง ณ เวลานั้นตอนอยู่มัธยมเมื่อติดในสถาบันที่มีชื่อขนาดนี้ ใครเล่าจะยอมสละถึงแม้มันจะเป็นตัวเลือกอันดับสองในตอนนั้นก็เถอะ แต่แค่นี้ก็พอใจแล้ว เรียนก็ได้ตั้งเป้าต่อโท คอมฯ แน่ๆ
พอได้มาเรียนจริงๆมันก็เริ่มเกิดมีความหวังว่าผมต้องได้เรียนในสาขาที่ตัวเองต้องการแน่นอนด้วยการย้ายภาค ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งสำหรับคนที่ไม่คิดว่าตัวเองเหมาะสมกับสาขาที่เรียนอยู่ ผมเรียนวิศวะปีหนึ่งด้วยความหวังนี้เต็มเปี่ยม ว่าต้องย้ายได้แน่ๆ ยิ่งการสอบได้เป็น CSAG แล้วยิ่งมั่นใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติมากพอที่จะย้ายภาคได้แน่โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวเลขทศนิยมสองหลักมาเป็นตัวตัดสิน แต่มันไม่ใช่โลกนี้การมีคุณสมบัติอย่างเดียวไม่สามารถพาไปถึงในสิ่งที่ต้องการได้ ผมจบปีหนึ่งด้วยเกรด 2.80 ซึ่งสามารถมองได้หลายมุมแต่ผมว่ามันก็ไม่ได้น้อยเกินกว่าจะย้ายได้นะ เหตุผลที่ผมไม่สามารถย้ายได้จริงๆเพราะ "จำนวนนักศึกษาเหมาะสมอยู่แล้ว" คำๆนี้แหละตัดสินชะตาชีวิตผมไปตลอดกาลเลย
แน่นอนตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าย้ายไม่ได้ ผมรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม นี่ถ้าผมตัดสินใจสละสิทธิ์รับตรงตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมแล้วยื่นเข้าในระบบกลางป่านนี้ผมก็คงได้ศึกษาในสาขานั้นสมใจอยาก แต่ถ้าจะมองในมุมกลับกัน ผมเองไม่ใช่เหรอที่ตัดสินใจเอาสาขานี้ตั้งแต่แรก
หลังจากนี้ใช่ว่าชีวิตผมจะแน่นอนว่าจะศึกษาสาขานี้ต่อยังมีตัวเลือกสุดท้ายที่ผมได้เตรียมไว้แล้วเผื่อไว้ในกรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นผมได้ยื่นเข้าศึกษาในระบบกลางไปแล้วในปีนี้หรือที่คนธรรมดาๆเขาเรียกว่า "ซิ่ว" แต่ต้องรออีกตั้ง 1 อาทิตย์กว่าผลจะออก และแน่นอนว่าโอกาสในการที่จะใช้ตัวเลือกสุดท้ายก็ยัง 50/50
บางทีที่บอกว่า 50/50 เพราะว่าผมอาจถูกสถาบันหล่อหลอมให้มีใจรักมากขึ้นกว่าแต่ก่อนก็ได้ หลังจากผ่านการเทรนสตาฟมาได้ 7 วัน แต่มันก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เหมือนในท่อนที่มาจากเพลงนึง

"พี่ๆจ๋า เพื่อใครกันหรือ
ใครที่คือหัวใจของพี่
เหตุใดจึงยอมให้เขาย่ำยี
ทนทุกข์เช่นนี้พี่ทำเพื่อใคร..."

เรื่องโปรเจ็คถ้าคืนนี้อารมณ์ดีจะบรรยายให้หมด หลายๆโปรเจ็คต้องหยุดไปเพราะต้องทำงานเชียร์แต่ก็นะ บางทีชีวิตถ้าไม่มีเรื่องให้ทำ มันก็ไร้ค่า...

Comments