2016

ภาพนี้น่าจะบรรยายปีนี้ได้ดีสุด ถึงแม้จะมีความวุ่นวายอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้นึกถึงอยู่ด้วยในเวลาเดียวกัน
TL;DR สรุปสั้นๆ เป็นปีแรกที่ทำตาม Goal ที่วางไว้ไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว
       ถ้าหากปี 2015 เป็นปีที่เราตั้งคำถามว่าเราทำงานหนักไปรึเปล่า ชีวิตมีอะไรมากกว่านี้อีกรึเปล่า ปี 2016 ก็คงจะเป็นปีที่ผมหาคำตอบให้กับคำถามนั้นได้แล้วเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปี 2016 ก็เกิดมาจากแรงผลักดันของคำตอบของคำถามนั้นแหละ
       เริ่มด้วยนี่เลยไปเรียนดำน้ำแบบ SCUBA ผมเป็นคนว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ แต่พอพี่เต้ยชวนแล้วความกลัวมันหายไปเลย เป็นช่วงเวลาประมาณสองเดือนที่สุดสัปดาห์รู้สึกชีวิตมีอะไรต้องทำมากกว่าการนอนอยู่หอโง่ๆ ทั้งวันอาทิตย์ต้องไปเรียนที่บางนาตอนเช้าทฤษฏี บ่ายลงสระ ได้รู้จักคนใหม่ๆ ในชีวิต พอใกล้ๆ จบก็ไปสอบภาคทะเลอยู่พัทยา ได้รับรู้ประสบการณ์เมาเรือแบบรุนแรงครั้งแรกตอนประกอบชุด BCD กับถังตอนก่อนจะลงสอบแต่พอลงน้ำทุกอย่างหายไปหมด เป็นความอิสระที่อยากโดดลงน้ำอีกเป็นสองวันที่สนุกมาก และพึ่งนึกได้ว่าเห้ย ยังไม่ไปสอบข้อเขียนนี่หว่าลืมสนิทเลย


       พอหมดฤดูกาลเรียนดำน้ำเสร็จชีวิตตอนนั้นก็เหมือนจะมีเป้าหมายละ ต้องหาอะไรทำจำได้ว่าเย็นวันหนึ่งน่าจะเป็นวันอาทิตย์ประมาณเดือนพฤษภาคม ไปกินข้าวอยู่เมเจอร์ เอกมัย ตอนขากลับเดินผ่าน WE Fitness อยู่ดีๆ ก็นึกครึ้มอยากเข้าขึ้นมา ทั้งที่เดินผ่านมันมาตลอดตั้งแต่ย้ายมาอยู่เอกมัย สุดท้ายเย็นวันนั้นสมัครสมาชิกไปเรียบร้อย พร้อมจ้างเทรนเนอร์ 12 sessions ตกประมาณหนึ่งเดือน แล้วโปรเจ็ค #นิวแมน ก็ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม
       ถ้าหากช่วงที่เรียนดำน้ำคิดว่าชีวิตมีความหมายแล้ว ตอนเล่นฟิตเนสแบบมีเทรนเนอร์นี่คือมีเป้าหมายจริงจังมาก ไม่เคยคิดว่าตังเองจะมารู้จัก สควอท เบอปี้ คาดิโอ HIIT ฯลฯ ศัพท์เทคนิคหลายแหล่ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาคุมอาหารนับแคลอรี่ ไม่คิดว่าจะต้องมาซิทอัพ 100 ทีทุกวัน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตื่นเช้าขึ้นเป็นแปดโมง แล้วต้องมาฟิตเนสเก้าโมงเล่นกับเทรนเนอร์ชั่วโมงนึงแล้วก็เดินอีกเกือบชั่วโมง เป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเหนื่อยที่สุดในปีนี้แล้ว เพราะไปทำงานบ่ายนี่ปวดไปทั้งตัว แต่ยังจำคำเทรนเนอร์ตลอดว่าปวดหนะดีละ แสดงว่าเล่นโดน
       พอหมดเทรนเนอร์ ก็เริ่มมาโฟกัสที่เรื่องวิ่งเพราะปีนี้ตั้ง Goal ไว้ว่าจะไปมาราธอนให้ได้ ซึ่งตอนนั้นฟิตมากคือต้องขอบคุณเทรนเนอร์จริงๆ ตอนเริ่มเล่นฟิตเนสน้ำหนักอยู่ที่ 94 พีคสุด แล้วมันค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ จนมาจุดต่ำสุดที่ 83 พร้อมกล้ามเนื้อประปรายและพุงยุบไปจนเสื้อกับกางเกงหลวมไปหลายตัวประมาณเดือนสิงหาคม แต่พองานวิ่งปลายปีเลื่อนหมด เป้าหมายที่เคยชัดเจนก็ค่อยๆ ลานเลือนไปจากที่เคยไปฟิตเนสสามสี่วันต่ออาทิตย์ก็น้อยลงเรื่อยๆ จนถึงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้ไปเลย
       นอกจากฟิตเนสปีนี้ก็กลับมาวิ่งอีกและน่าจะวิ่งหนักกว่าปีที่แล้วด้วย ถึงแม้ปีที่แล้วจะเก็บ First Half Marathon ในชีวิตมาได้ แต่ถ้านับกิโลเมตรที่วิ่งปีนี้น่าจะเป็นปีที่วิ่งเยอะมากกว่าทุกปีรวมกันเลย มีไปวิ่งกับกระทิงบ้าง มีเสื้อทีมกับเค้าแล้วรู้สึกเท่โคตรๆ เลย


       ในช่วงเดียวกับที่ชีวิตมีเป้าหมายกับฟิตเนส ชีวิตก็มีเป้าหมายกับการสอบนักบินมากในช่วงเวลาเดียวกัน เป็นปีที่สองที่ไปสอบ AirAsia แล้วไม่ผ่านรอบแรกอีกครั้ง แต่รู้สึกได้ชัดเจนมากกว่าปีนี้ทำได้น้อยกว่าปีที่แล้วเพราะช่วงใกล้ๆ สอบเป็นช่วงที่งานหนักมากเพราะงานที่ทำจะเอาเซอร์วิสใหม่ขึ้นโปรดักชั่นเลยไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลยสุดท้ายปีนี้ก็สอบไม่ติดไปอีกที แต่ถ้าจะมีอะไรที่รู้สึกประสบความสำเร็จกับการสอบ ปีนี้คะแนน TOEIC ที่เคยสอบตอนก่อนเรียนจบหมดอายุพอดีเลยได้มีโอกาสสอบใหม่แบบไม่ได้อ่านหนังสืออะไรไปสอบเลย แล้วได้คะแนนดีกว่าเดิมจาก 825 อัพเป็น 920 แตะเลขเก้าแล้วว้อย
       พอหลังจากรู้ตัวว่าสอบไม่ติดปีนี้ ตั้งสติได้ไม่กี่วันก็เริ่มอ่านหนังสือสอบเลย เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าสมองกลับมาคิดเลขได้เร็วขึ้น เมตริกซ์ ฟังก์ชั่น สมการพหุนาม ภาคตัดกรวย ฯลฯ เจอได้ช่วงนั้นโหดมากเพราะเป้าต่อไปวางไว้คือ ThaiSmile กับ Bangkok Airways แต่นกทั้งสองอันอันหนึ่งจ่ายตังค์ไม่ทัน อีกอันเอกสารไม่ผ่าน หลังจากนั้นก็วางหนังสือเลย รอฤดูกาลหน้าค่อยว่ากัน

       หลายๆ คนอาจจะรู้แล้ว แต่ก็มีหลายคนที่อาจจะยังไม่รู้ปีนี้ผมได้มีประสบการณ์การลาออกครั้งแรกในชีวิต ถึงแม้จะวางแผนไว้ซักพักใหญ่แล้วว่าถึงจุดหนึ่งก็ต้องก้าวออกไป แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้และออกมาเป็นแบบนี้ กลายเป็นความทรงจำแย่ๆ ที่ผมเสียใจมากและเปลี่ยนมุมมองผมในหลายๆ เรื่องไปเลย เรื่องบังเอิญอย่างหนึ่งก็คือเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของผมที่เริ่มงานวันเดียวกัน ก็ออกจากบริษัทในสัปดาห์เดียวกันถึงแม้ผมจะมาแซงมันโค้งสุดท้ายก็เถอะ
       ถึงแม้จะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นแต่อย่างน้อยในวันนั้นมันทำให้ผมเข้าใจว่าคนที่แคร์เราจริงๆ จะอยู่ช่วยเหลือเราในเวลาที่เราลำบาก หลายคนเราก็ไม่ได้คุยกันทุกวันแต่วันนั้นก็ได้คุยกัน ร่ำลากัน และตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่ทำงานปัจจุบันผมก็ทำให้รู้สึกว่าผมไม่ได้คิดผิดเลยที่ตัดสินใจแบบนี้ และถ้าใครทำงานประจำจันทร์ - ศุกร์เวลาปกติอยู่แล้วอาจจะไม่เข้าใจ แต่การได้เปลี่ยนเวลาชีวิตมาเหมือนคนปกติ มีเวลาตอนเย็นๆ กับเพื่อนกับแฟนหรือแม้แต่การนั่งอ่าน hckrnews อยู่หอโง่ๆ มัน #ดีต่อใจ จริงๆ นะ
       นอกจากเรื่องบริษัทแล้วปีนี้เป็นปีที่ไม่ได้พูด Barcamp Bangkok หลังจากพูดมาสองปีติด แต่อย่างน้อยปีนี้ก็ได้รู้จักคนใหม่ๆ เก่งๆ มากขึ้นที่ชอบอะไรเหมือนกัน แต่เรื่องบังเอิญจริงๆ คืออยู่ดีๆ ก็จับพลัดจับพลูได้พูด Flash talk งาน CodeMania เฉยเลย วิดีโออยู่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=U3R-q6PG1bM


       เรื่องสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงปีนี้คือชีวิต หลายๆ ครั้งเราก็ควบคุมมันไม่ได้ เราเป็นเพียงแค่เรือที่อยู่กลางกระแสน้ำของเหตุการณ์ที่ไหลมาไม่มีที่สิ้นสุด และบางครั้งกระแสของเหตุการณ์ก็ทำให้คนสองคนมาเจอกัน คืนวันสุดท้ายของ Outing ปีนี้ทำให้ผมรู้จักคนๆ นึงมากขึ้น และยิ่งรู้จักมากขึ้นผมก็ยิ่งรู้ว่าคนๆ นี้แหละคือคนที่ผมตามหามานาน เป็นแรงบันดาลใจให้ผมที่โคตรจะไม่กล้าร้องเพลงต่อหน้าคนอื่น ให้เริ่มร้องเพลง เป็นคนที่ทำให้ผมหันมาดูซีรีส์เกาหลี ทั้งที่ปกติแค่ซีรีส์ฝรั่งกับละครไทยก็ดูจนเต็มเวลาแล้ว เป็นคนที่ยอมดู Star Trek ด้วยทั้งที่ปกติไม่เคยดูเลย คนที่ยอมหัวเราะกับมุกตลกปัญญาอ่อนที่ผมเล่นเกือบทุกวัน ไก่ที่กินแซลม่อนเป็นอาหาร เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดของปีนี้แล้ว คนๆ นั้นคือแฟนผมเองครับ แฮร่


เรื่องอื่นๆ ที่อยากพูดถึงปีนี้

  • ปีนี้เริ่มดู Star Trek แบบจริงจังมากดู The Original Series จบไปแล้วตอนนี้กำลังเก็บ The Next Generations รู้สึกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่จริงๆ และได้สไตล์การเป็นลีดมาจาก Captain Kirk เยอะมากส่วนซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่ชอบปีนี้มี DoctorOn the way to the airport, Suite, Brooklyn99, Narcos มี The Blacklist ที่ยังมะได้ดูซีซั่นล่าสุดเลยแต่ยังอยากดูอยู่กับ The Last Ship ที่ลืมดูไปเลย
  • เพลง -- ปีนี้ตัดสินใจสมัคร Spotify กับเต้ไปตกเดือนละร้อยเพลงที่ฟังมากที่สุดปีนี้คือเพลงนี้ครับ https://www.youtube.com/watch?v=3FcWd3g8qpY 
  • หนังปีนี้น่าจะดูน้อยลงมากส่วนหนึ่งเพราะเอาเวลาไปดูซีรีส์ แล้วก็ Netflix ที่ทำให้โหลดบิตน้อยลงมากๆ จนแทบจะเหลือเดือนละครั้งเอง หนังดีๆ ที่ได้ดูปีนี้มีหลายเรื่อง
    • พรจากฟ้า (ตอน Still on my mind) ฉากจบเรื่องนี้ทรงพลังมากจนน้ำตาผมไหลเลย
    • SNAP หนังฟอร์มเล็ก แต่อารมณ์ที่ตามมาไม่เล็กและตอนนี้ยังหาดูอีกรอบไม่ได้เลย T_T
    • The man who knew infinity ไม่เคยคิดว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้กลับมาชอบคณิตศาสตร์จะกลายมาเป็นหนังที่ทำให้เรารักรามานุจันมากขึ้นไปอีก
    • Er ist wieder da กลับมาแล้วครับสนุกมากแถมแทรกประเด็นหลายๆ เรื่องให้เอาไปคิดต่อ
    • North by Northwest เป็นหนังที่ทำให้เข้าใจคำว่าจับพลัดจับพลูจริงๆ
    • Sully ทำให้อยากเป็นนักบินเพิ่มขึ้นอีก
    • Fantastic Beast and Where to find them กับ Rogue One สองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอย่างหนึ่งคือทำให้เราหายคิดถึงจักรวาลที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็ก ที่หายไปนาน ดูแล้วคิดถึงจริงๆ
  • หนังสือ -- ปีนี้อ่านหนังสือน้อยมาก น้อยแบบทำลายสถิติเลย แต่ยังซื้อและซื้อเยอะอยู่เหมือนเดิมถ้าเป็น non-tech ปีนี้ชอบ The Way of the Knife กับ ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

ปล.เนื่องจากปีที่แล้วทำตาม Goal ที่ตัวเองตั้งไว้ไม่ได้ซักข้อ ผมนั่งคิดอยู่ซักพักนึงแล้วผมก็ได้คำตอบ ผมไม่ตั้ง Goal เลยละกันปีนี้... ผิด ไม่ใช่ !! ปีนี้จะใช้ชีวิตแบบ Scrum แทนที่จะตั้ง Goal ทั้งปีก็เอา Goal ใส่ Backlog ซะแล้วตั้ง Sprint ไว้ทีละหนึ่งเดือน ไว้ถ้าเวิร์คเด๋วจะมารีวิวให้ฟัง แฮร่

ปปล.นี่เป็นโพสแรกในรอบหลายเดือนเลย คือปัญหาอีกอย่างหนึ่งของปีนี้คือเขียนไม่ออกมากๆ ได้แต่หวังว่าโพสนี้จะช่วยปลดล็อคให้ออกมาอีกหลายๆ โพสในปี 2017 นี้นะ

Comments