2nd Year at Proteus: There's something that only experience can teach you


       คนเราจะพักผ่อนไปทำไม เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองมาตลอดทางระหว่างนั่งเครื่องมาเชียงใหม่ พร้อมกับคำถามที่ว่า จะไปทำอะไรในเชียงใหม่ดี ในช่วงเวลาที่อยู่ตรงกลางของ Iteration สุดท้ายก่อนจะต้องจบโปรเจ็ค ผมบอกเลยว่าก่อนหน้านี้เคยกังวลมากที่ต้องห่างออกมาจากทีมในช่วงเวลาแบบนี้ แต่ตอนนี้ระหว่างที่กำลังพิมพ์อยู่นี่ ผมกำลังนั่งอยู่บนเตียงในเกสต์เฮ้าส์กลางเมืองเชียงใหม่ ในหูฟังเพลงอะไรก็ตามที่ Channel V จะวนมาให้ และไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งสิ้นนอกจากปัจจุบัน

       พอเราโตขึ้นก็เหมือนเกมส์ เราเก็บเลเวลมาเยอะขึ้น เราก็จะได้ทำอะไรที่มันซับซ้อนมากขึ้น ใหญ่มากขึ้น ผมโตมาในสถาปัตยกรรมแบบ Microservice และ RESTful มาตลอดและยังคงอยู่กับมันอยู่ ตอนผมเลเวลน้อยๆ ผมรู้แค่ว่าผมต้องทำแบบนี้ ทำให้มันเวิร์ค บางครั้งแค่นั้นผมก็พอใจกับมันแล้ว พอผมเก็บเลเวลมานานๆ ผมไม่แน่ใจว่าผมเกิดความสงสัยขึ้นมาได้ไงว่าทำไมต้องทำแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะการไม่สงสัยเลยมันทำให้งานที่ทำมันน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ จนต้องถามตัวเองว่าทำไปทำไม แต่พอรู้ประโยชน์ว่ามันทำแบบนี้ไปทำไมแล้วรู้ทฤษฏีเบื้องหลังที่เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำอย่างนี้อย่างเช่น CAP Theorem, Publish-subscribe หรือ Asynchronous queue มันทำให้ผมรู้สึกว่า สิ่งที่เราทำมันสวย (จริงๆ คิดคำไม่ออกละนอกจากคำว่า สวย ) และรู้สึกภูมิใจมากที่เราได้สร้างอะไรที่มันสวยขนาดนี้ขึ้นมาพร้อมๆ กับคนในทีมอีกหลายๆ คน ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ว่างานที่ผมทำอยู่เป็นยังไง ลิงค์นี้ อธิบายได้ดีทีเดียว

       ผมกลับไปพูดว่าตัวเองเป็นเดฟที่กากที่สุดในบริษัทเหมือนตอนปีแรกไม่ได้อีกแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น การที่เรารู้ว่าเรายังไม่รู้อะไรนั้นสำคัญมาก (Dunning-Kruger effect) และสิ่งที่เราเลือกที่จะทำเมื่อเรารู้ว่าเรายังไม่รู้อะไรจะเป็นสิ่งที่ตัดสินชีวิตการทำงานของเราเลย ปีที่แล้วผมได้ไปจับโค้ด C++ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ และตลอดปีที่ผ่านมาหัวหน้าจะถามผมเป็นระยะว่า How is your C++ ? ซึ่งตอนแรกๆ ผมก็จะตอบว่า "A little bit" บิทลงเรื่อยๆ จนเออเขียนไม่เป็นละ แล้วพอได้ข่าวว่าหัวหน้าอีกคนจะไปใช้ภาษา Elixir ผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะลงทุนตัวเองในภาษา Elixir แต่สุดท้ายพอมันไม่มีงานที่ทำจริงๆ สำหรับผมมันยากมากที่จะโฟกัสกับการเรียนภาษาใหม่ จนกระทั่งมีช่วงที่ว่างจากโปรเจ็คหลักที่ใช้ Python ทำผมเลยได้โอกาสไปเขียน C++ อีกครั้งประมาณช่วงเดือนธันวา - มกราที่ผ่านมาและรอบนี้มันสนุกมากตรงที่ ผมได้เขียนและหัวหน้ารีวิวโค้ดให้เกือบทุกวัน ได้ใช้ฟีเจอร์ของภาษาที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้มาก่อน เพราะไม่รู้จะใช้ไปทำไม ได้ยุ่งกับอะไรที่มัน low-level มากๆ อย่าง loadavg ที่ต้องมานั่งแกะโค้ด Linux Kernel ว่ามันทำงานยังไงในส่วนนี้ อีกงานก็ทำส่วนของเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถ return code 304 ได้จนต้องอ่านมาตรฐาน RFC ว่าเค้าเขียนมายังไงเลย เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองอัพเลเวลขึ้นมาเร็วมากและน่าจะสนุกที่สุดของปีที่สองละ

ส่วนใหญ่โต๊ะมันก็จะรกๆ แบบนี้ทุกวัน
       อีกสองเรื่องที่สนุกมากของปีนี้คือการที่ได้เป็นเมนเทอร์เด็กฝึกงานแบบเต็มตัวครั้งแรก รู้มั้ยว่าการที่เราได้เห็นคนๆ นึงพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ภายในเวลาสองเดือน เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าเรามีพลังบางอย่างแล้วเราทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าน้องๆ ที่มาฝึกมันจะเก่งอยู่แล้วทั้งคู่ก็เถอะ แต่การได้เห็นมันเก่งมากขึ้นไปอีกเนี่ย ผมบอกได้เลยว่าผมและคนในทีมภูมิใจกับเด็กพวกนี้มาก เป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ
       อีกเรื่องคือการได้กลับไปงาน CE Smart Career แล้วได้ไปพูดให้น้องๆ ที่ยังเรียนอยู่ว่าบริษัทที่เราทำอยู่มันเป็นยังไง ได้คุยกับน้องๆ ที่บูทที่กำลังตามหาตัวเองอยู่ ได้รู้จักน้องๆ ที่เก่งมากๆ หลายคนที่ไม่เคยรู้ว่ามันมีตัวตนอยู่ในโลก มันเหมือนได้เห็นภาพตัวเองที่เคยเป็นและระลึกกับปัจจุบันว่าเรามายืนอยู่จุดที่เราเคยได้แต่มองแล้วนะ ถ้าจะมีเรื่องที่เสียใจสักอย่างของปีนี้ก็คงจะเป็นทีมที่อยู่ด้วยกันมาค่อยๆ ผลัดคน เปลี่ยนไปจนทีมเมื่อหนึ่งปีที่แล้วกับตอนนี้แทบจะคนละทีมกันเลย แรกๆ ผมเสียใจนะ แต่พอถึงจุดนึงผมก็มองเป็นวัฏจักรของชีวิตว่า คนเรารู้จักกัน มีสุข มีทุกข์ ร่วมกันในช่วงเวลาหนึ่ง เสร็จแล้วก็จากลากันไป บางทีการที่คิดว่าซักวันหนึ่งผมต้องเป็นคนที่จากไปบ้าง มันก็ทำให้ผมมองเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้นมาบ้าง และผมก็ยังคงทำหน้าที่ผม ในจุดที่ตัวเองยืนอยู่ให้ดีที่สุด แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว

       ถ้าจะให้พูดถึงโปรเตอุส ถึงแม้ตลอดสองปีที่ผ่านมาผมจะผ่านและสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังยอมรับว่าที่นี่หลายครั้งเราเจอโจทย์ที่ยาก ที่ใหญ่กว่าจำนวนคนที่มีอยู่ แต่เราก็ยังมีฮีโร่เลเวล 99 อยู่บ้างที่พร้อมจะเก็บเลเวลไปด้วยกันอยู่ เราก็ยังรอคนใหม่ๆ ที่จะมาเก็บเลเวลไปด้วยกัน ถึงแม้ปีนี้จะเป็นปีที่ผมเริ่มถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น มันเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ รึเปล่า มันช่วยทำให้เราไปใกล้สิ่งที่เราฝันไว้ว่าจะทำ สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าปัจจุบันรึเปล่า พอมองย้อนกลับไป ผมก็สามารถตอบได้เต็มปากว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา มันยังคงและเป็นอยู่ และผมไม่เสียใจเลยที่ผมเลือกใช้ชีวิตตลอดสองปีแรกของการทำงานที่นี่มาจนถึงทุกวันนี้

TPE11 กลับมาคืนชีพแล้วนะปีนี้

Comments