เขียนถึงแมนในอนาคต ฉบับที่ 2


สวัสดีนาย

       ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วเนี่ย เราคิดจะคุยกับนายมาตลอดเลยนะ ตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา คือแบบ เราอ่านที่นายเขียนเป็นพักๆ ไม่อาจเรียกได้ว่าบ่อย นายทำให้เรามองย้อนกลับมาหาตัวเองทุกครั้งในวันเวลาที่หลายครั้งผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ หลายครั้งเราคิดจะตอบนาย แต่คิดไปคิดมา เราว่าบางคำถามบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องตอบ เราว่าวันนี้เรามาเล่าเรื่องของเราให้นายฟังดีกว่า เพราะเราว่าถ้าปล่อยให้นานกว่านี้เราอาจจะหลงลืมรายละเอียดหลายๆ อย่างที่สำคัญไป แล้วสิ่งนั้นก็อาจจะหายไปตามเวลาได้

       นายรู้มั้ยว่าช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้เป็นอีกช่วงหนึ่งในชีวิตที่เราเรียกได้ว่าเหนื่อย ถึงตอนนั้นที่นายกำลังตัดสินใจเขียนเล่าเรื่องบางอย่างให้นายอีกคนฟังมันคงจะชินไปแล้ว แต่ก็คือ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เรารู้จักนายดี เรารู้ว่านายเป็นคนไม่ชอบเสี่ยง แต่จะบอกให้เลยว่าตลอดสามเดือนมานี้เป็นช่วงเวลาที่นายเลือกใช้ชีวิตได้เสี่ยงมาก เสี่ยงจนบางครั้งเราก็ตกใจว่านีนายทำบ้าอะไรอยู่วะ คืออย่างนี้นะ ตอนนี้เราคิดว่าชีวิตเราเนี่ยตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมที่สัมพันธ์กันอยู่อย่างแยกไม่ออก เหลี่ยมแรกคืองาน อันนั้นก็แน่นอนมันเป็นเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตที่นายหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหลี่ยมที่สองคือเพื่อน ซึ่งก็ส่งผลกระทบให้นายทำอะไรหลายอย่างได้ง่ายขึ้นและช่วยให้ชีวิตหลายๆ ครั้ง ไม่โดดเดี่ยวจนเกินไป เหลี่ยมสุดท้ายคือความไม่ชัดเจน มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันชัด แต่หลายๆ ครั้งการปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก็ดีกว่าการทำลายอะไรหลายๆ อย่างที่เราได้ผ่านมาด้วยกัน 
       สามเหลี่ยมนี้ส่งผลกระทบต่อกันและกันอย่างชัดเจนมาก เรื่องนี้เราเพิ่งตระหนักได้ว่าจริง เพราะแต่ก่อนตอนที่ยังไม่มีเหลี่ยมสุดท้าย ชีวิตมันเคยง่ายกว่านี้เยอะรู้มั้ยว่าบางทีบางครั้งเราก็อยากกลับไปทำให้ชีวิตมันเรียบง่ายเหมือนเดิม แต่สุดท้ายเราก็ค้นพบว่ามันไม่มีทางกลับไปได้เหมือนเดิมอีก แม้แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ เราเริ่มจะทำอะไรหลายๆ อย่างที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ยังอธิบายไม่ได้ แต่ที่อธิบายแน่ๆ ก็มีบ้าง ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราคิดถึงใครมากๆ เนี่ยเราจะรู้สึกอึดอัดอยู่บริเวณปอด เหมือนมีอะไรมาบีบมันไว้ ตอนเรารู้สึกแบบนี้ครั้งแรกเราก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร มันทรมาน มันทำอย่างอื่นไม่ได้เลย เป็นความรู้สึกที่แย่ ถ้าจะพูดตามตรง หลังจากนั้นไม่นานเราก็เข้าใจว่าสมองส่วนที่ควบคุมความเจ็บปวดนั้นไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือทางจิตใจมันอยู่ใกล้กันมากจนบางครั้งมันก็ส่งผลถึงกัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแฟนบอลถึงรู้สึกกระทบจิตใจมากเวลาที่ทีมตัวเองแพ้หรือเจอคำตัดสินไม่เป็นธรรม คำอธิบายเรื่องนี้เต็มๆ อ่านได้ในหนังสือ 500 ล้านปีของความรักนะ เผื่อนายอยากไปอ่านเพิ่ม

       เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อนหน้านี้นายรู้สึกใจหายมาก เรายังจำความรู้สึกได้เลย เวลาใครซักคนหายไปจากชีวิต ทีมเราเคยมีคนสูงสุดถึง 9 คนเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ปัจจุบันตอนนี้ไม่ถึง 4 คนด้วยซ้ำบางวัน ห้องที่เคยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ถูกแทนที่ด้วยความเงียบและเสียงคีย์บอร์ด แต่ถึงแม้มันจะเหงาซักเพียงใดนะ การอาลัยอาวรกับสิ่งที่สูญเสียไปก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมได้ สิ่งที่นายทำอยู่คือเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด และหวังว่าซักวันมันจะกลายเป็นสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิมอีก ทำไมเรารู้สึกว่าฉบับนี้มันมีแต่เรื่องเครียดๆ แหะ ไม่เหมือนคราวที่แล้วเลยที่เต็มไปด้วยความฝัน บางทีเราก็รู้สึกว่าเรากดดันตัวเองมากเกินไป แต่ครั้งจะให้เรานั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้อะไรมันผ่านไปมันก็ผิดวิสัยไปหมดและเราทนอยู่อย่างนั้นไม่ได้หรอก

       อ่อเรื่องวิ่งนายผ่านกรุงเทพมาราธอนมาได้นะ ยินดีด้วยถึงมันจะแค่ 10K แต่มันก็เป็นก้าวแรกที่ทำให้นายกลับมาทำสิ่งที่เหมือนจะมีความหมายกับนายมากที่สุดอย่างหนึ่งหลังจากนั้นนายไปวิ่งถึงหัวหิน ไปวิ่งที่จุฬา โดดวิ่งที่บางนากับไทยคม แล้วนายก็หยุดวิ่งไปหลายเดือนเลย ในเวลาเดียวกับที่นายเริ่มเห็นคนรอบๆ ตัวเริ่มหันมาวิ่ง ซึ่งเราก็รู้สึกดีใจนะที่เขาเหล่านั้นเริ่มจะหันมาวิ่ง มันอาจจะทำให้เค้าค้นพบความหมายของอะไรบางอย่างก็เป็นได้ พอมาปีนี้เราชั่งใจหนักมากเลยนะนาย เราคิดอยู่หลายวันมาก แต่สุดท้ายเราเลือกที่จะลง 21K ปีนี้ เราอยากรู้ความหมายของคำว่า Half อยากรู้ว่ามันจะเหนื่อยสักแค่ไหนกัน เรายังไม่เคยไปไกลขนาดนั้น แต่หวังว่าพอถึงวันนั้นเราจะไปได้ เราเริ่มกลับมาวิ่งอีกครั้งด้วยความรู้สึกเต็มไปด้วยความหวังว่าเราต้องแข่งให้จบ แต่คราวนี้ต่างจากปีที่แล้วนะ บทเรียนปีที่แล้วสอนอะไรหลายอย่างเลย ปีนี้เราเลือกที่จะวิ่งใกล้ขึ้น ไม่ต้องใช้เวลาไปไกลถึง 30 นาทีเพื่อจะไปวิ่ง 30 นาทีแล้วก็กลับ เราเลือกที่จะวิ่งในวันที่ฝนตกรินๆ แม้ว่ามันจะน่านอนมากกว่าก็ตามเพื่อรักษาความต่อเนื่องไว้ ไม่ให้มันหายไป

       เรายังบอกลาไม่เป็นเหมือนเดิม และเราก็ไม่รู้จะจบฉบับนี้ยังไง ก็ขอบคุณนะอย่างน้อยการได้คุยกับนายก็ทำให้เรากลับมาเขียนได้ในรอบหลายเดือนเลย นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากกลับไปทำได้เหมือนเดิมมาตลอด แต่ก็ยากอยู่ในเมื่อเวลาให้คิดถึงอนาคตมันก็น้อยลงทุกทีและก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกัน หรือในบางครั้งเราก็หวังว่าเราอาจไม่จำเป็นต้องคุยกับนายอีกเลย ก็เป็นได้

แมนในอดีต 
27/09/2015
ปล.เหมือนครั้งที่แล้ว เรามีเรื่องที่อยากจะเล่าให้นายฟังมากกว่านี้อีกเยอะ แต่บางครั้งพอถึงเวลาต้องเล่าจริงๆ เรากลับเลือกมาแค่ไม่กี่เรื่องก็ตลกดีนะ

Comments