2014


       ผมเคยคิดว่าผมอาจจะสูญเสียความสามารถในการเล่าเรื่องผ่านการเขียนไปแล้ว จากที่ผ่านมาเดือนกว่าๆ ผมเขียนอะไรไม่ออกเลย ผมเคยคิดว่าผมเป็นคนเปิดเผย แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาผมค้นพบว่าผมเป็นคนที่เริ่มเก็บตัวมากขึ้นเรื่อยๆ พูดน้อยลงเรื่อยๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งผมก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมาเล่าให้ฟังในวันนี้ ผมเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเรื่องที่ผมจะเขียนนี่ยังไง

มกราคม - มีนาคม
       ปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากที่สุดในชีวิต อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้นะ และผมเชื่อว่าแทบจะทุกคนในรุ่นเดียวกัน น่าจะรู้สึกไม่ต่างกัน เราต่างเรียนจบ ข้ามผ่านคำว่าเด็กเข้าสู่ชีวิตทำงาน โอเคบางคนอาจจะเริ่มมาก่อนตั้งแต่เรียนแล้ว แต่มันก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมเรียนจบโดยทิ้งหลายๆ อย่างไว้เบื้องหลัง ช่วงปีสุดท้ายเป็นปีที่เหนื่อยจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่ทั้งสนุกและเศร้า เป็นปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุด และล้มเหลวสูงสุดในชีวิตการเป็นนักศึกษา ช่วงเวลา 3 เดือนแรกของปี 2014 นั้นผมมีเป้าหมายในชีวิตแน่นอนมาก ณ เวลานั้นผมรู้ตัวแล้วว่าการเป็น Software Developer นั้นเป็นงานที่ผมอยากทำ เหตุผลง่ายๆ เพราะผมไม่อยากทำงานซ้ำๆ และน่าเบื่อ และอยากที่จะเรียนรู้ตลอดเวลาเพราะกลัวว่าซักวันหนึ่งสมองจะหยุดเรียนรู้ไปและกลายเป็นเฉื่อยชาในที่สุด

Software innovation contest ICT ISPC 2014
เมษายน - มิถุนายน
       ผมเริ่มทำงานทันทีหลังจากเรียนจบอย่างไม่เป็นทางการ (หลังพรีเซนต์โปรเจ็คจบเสร็จ) หนึ่งอาทิตย์ หลังจากผ่านประสบการณ์ Burnout ที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตมาหมาดๆ แต่ผมยอมรับว่าผมเก็บความรู้สึกนี้ไว้ลึกมากตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ทั้งๆ ที่ต้องไปพูดที่ Conference ในไม่กี่วันต่อมา ผมกลายเป็นอีกคนตอนเริ่มทำงาน จริงจังน้อยลง คาดหวังน้อยลง พูดง่ายๆ คือเดินให้ช้าลงถึงแม้จะยังดูเหมือนวิ่งอยู่ก็ตาม 
       ในช่วงสามเดือนแรกของการทำงาน ผมแทบไม่รู้สึกเลยว่าปรับตัวเข้ากับชีวิตการทำงานแล้ว ถ้ามองโดยรวมแล้วทุกอย่างแทบจะยังเหมือนเดิม ผมกินเหมือนเดิม นอนเวลาเดิม ตื่นเวลาเดิม เขียน PHP เหมือนเดิม อีกทั้งได้ทำงานในบริษัทที่ตั้งเป้าตั้งแต่สมัยเรียนแล้วว่าต้องมาที่นี่ให้ได้ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น ช่วงนี้ของชีวิตผมยอมรับเลยว่ามีความสุขมากกว่าช่วง 3 เดือนแรกของปี 2014 ซะอีก อาจจะเป็นเพราะในที่สุดผมก็ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอื่นมากนัก
       วิถีชีวิตในช่วงนี้ ซึ่งในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ใหม่มากมักจะเป็นไปในรูปแบบที่ว่า ในวันทำงานจันทร์ ถึงพฤหัส ผมจะตื่นสิบโมง เดินไปทำงานตอนสิบเอ็ดโมง อยู่จนสี่ห้าทุ่มแล้วแต่อารมณ์ แล้วก็กลับมานั่งดูหนังที่หอ ถ้าเป็นวันศุกร์ ผมจะไปดูหนังโรงตอนบ่ายๆ บ้างลิโด้ บ้างเมเจอร์ แล้วกลับมาเดินเล่นในเอกมัยในช่วงเย็น หลังจากนั้นก็จะกลับมาดูหนังต่อที่หอในช่วงค่ำ เสาร์ อาทิตย์ แล้วแต่อารมณ์แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะนอนอ่านหนังสือไม่ก็ดูหนัง ไม่ก็นั่งเรียนรู้อะไรซักอย่าง เป็นอยู่อย่างนี้หลายเดือน ซึ่งโดยรวมแล้วก็ดูมีความสุขดี 

First space station -- Kerbal Space Program
กรกฏาคม - กันยายน
       ประมาณเดือนที่ 4 ความเปลี่ยนแปลงแรกก็เริ่มต้นขึ้นผมเปลี่ยนทีม แม้ในตอนแรกจะรู้สึกเป็นคนนอกของทีมเพราะทีมใหม่สนิทกันมากเหลือเกิน แต่สุดท้ายแล้วผมก็ปรับตัวเข้ากับทีมจนเป็นส่วนหนึ่งได้ หลังจากผ่านไปประมาณเดือนนึง ช่วงนี้ของชีวิตมีพี่คนนึงเคยนิยามไว้ว่าเป็นอาการ "ซีเนียร์ฉับพลัน" เรื่องของเรื่องก็คือผมต้องทำงานบางอย่างซึ่ง ตอนนั้นยอมรับเลยว่ายากเพราะแทบไม่มีความรู้เลย แต่หลังจาก 1 เดือนผ่านไปมันก็เสร็จในระดับที่พร้อมใช้งานได้ แล้วเกือบทุกคนในทีมได้ใช้มัน หลังจากนั้นก็กลับมาเป็น "เด็กจบใหม่" อีกครั้ง เพราะต้องเปลี่ยนจากเขียน PHP มาเขียน Django ซึ่งถึงแม้จะรู้จักและเคยเขียนมันมา แต่นั่นมันก็ตั้งเกือบ 4 ปีมาแล้ว แล้วผมต้องเริ่มใหม่หมด ต้องเริ่มคิดแบบ Python แถมโปรเจ็คใหม่นั้นโครงสร้างก็เรียกได้ว่ามหึมามากจนต้องใช้เวลาเรียนรู้โครงสร้างทั้งหมด ช่วงนี้ของชีวิตเรียกว่า "เหนื่อย
       ถ้าไม่นับเรื่องงานช่วงนี้ของชีวิตผมได้เรียนรู้อย่างนึงว่าคนเรามีพบก็ต้องมีจาก เป็นช่วงที่ได้เรียนรู้ว่าชีวิตการทำงานมันมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ คนหลายคนเริ่มหายไปจากชีวิต เริ่มรู้จักคนใหม่ๆ หลายคน จริงๆ ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้มันก็มีผลกระทบกับชีวิตเยอะเหมือนกันนะ เราน่าจะเคยได้ยินว่าความคิดหลายๆ อย่างของเรามักจะมีอิทธิพลจากคนรอบๆ ตัวเรานี่แหละ นั่นแหละคือสิ่งที่เปลี่ยนไป แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็แค่ต้องปรับตัว
       เดือนกันยายน ผมเริ่มมีงานอดิเรกงานใหม่ ผมเริ่มกลับมาสนใจอวกาศครับ ตอนแรกก็ดูเหมือนจะไม่จริงจังอะไรแค่อยากเล่น Kerbal Space Program เฉยๆ แต่พอเล่นไปนานเข้าเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่จริงจังก็เริ่มจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหาความรู้เกี่ยวกับ Astronautical engineering มากขึ้นจนตอนนี้มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วและยังคงสนุกกับการหาความรู้พวกนี้อยู่เรื่อยๆ นอกจากนั้นแล้วเดือนนี้เป็นเดือนที่ผมเริ่มกลับมาคิดจะวิ่งและตั้งใจว่าจะลงแข่ง Marathon ตอนปลายปีให้ได้

เข็มวิทยฐานะ (ของผมเองครับ)
ตุลาคม - ธันวาคม
       ช่วงนี้ของปีนี้ผมเรียกว่า "เบื่อ" ครับผมยอมรับตามตรงเลย และความเบื่อตรงนี้ไม่ได้เกิดจากความ "เหนื่อย" ในช่วงเดือนที่แล้วด้วยผมแค่เบื่อของผมเฉยๆ ไม่ใช่งานที่ทำอยู่ไม่ดีนะครับ ต้องบอกก่อนเลย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆ มันเบื่อได้ไง รู้สึกอีกทีมันก็เบื่อไปแล้ว สิ่งที่เคยตื่นเต้นกลับรู้สึกเฉยๆ เป้าหมายที่วางไว้ว่าตั้งใจจะทำในปี 2014 ก็สิ้นสุดในเดือนนี้ด้วย แล้วผมก็ค้นพบว่าผมไม่ได้สนใจเป้าหมายที่วางไว้เลย และในหัวผมในเวลานั้นก็แทบไม่มีเป้าหมายอะไรเลย ชีวิตดำเนินไปวันๆ ที่ผมสามารถพูดว่า "เบื่อ" ได้เต็มปากเพราะว่าปัจจุบัน (มกราคม 2015) ผมว่าผมหายเบื่อแล้วครับอย่างน้อยก็ในตอนนี้ 
       สาเหตุที่หายถ้าผมมานั่งย้อนดูก็น่าจะเป็นเพราะการรับปริญญานี่แหละ งานสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมทำงานมาที่ได้หยุดยาวถึง 10 วัน (จริงๆ ก็ลางานนะแหละ) ความรู้สึกเหมือนคนที่วิ่งมาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนพอทำงานก็วิ่งต่อเลยไม่ได้พักที่จะคิดอะไรหลายๆ เรื่องในหัวมีแต่เรื่องงานเป็นหลักมาโดยตลอดหลายเดือน พอได้หยุด 10 วันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้คิดอะไรหลายๆ เรื่องจริงๆ โดยที่ไม่มีเรื่องงานมารบกวนในหัวเลย นอกจากนั้นแล้วเป็นช่วงเวลาที่ได้เจอเพื่อน พี่ น้อง มากมายที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกอิ่มเอมและตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เป็นช่วงเวลาที่ได้ทบทวนตัวเองอย่างแท้จริง นอกจากนั้นแล้วในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นเดือนที่ผมวิ่ง 10.5K ครั้งแรก เป็นการวิ่งแข่งทางไกลครั้งแรก แล้วผมวิ่งมันจนจบ เป็นความสำเร็จที่ผมภูมิใจที่สุดอย่างหนึ่งในปีนี้เลย 
       หลังจากรับปริญญาเสร็จช่วงสัปดาห์แรกที่ต้องกลับมาทำงานหลังจากไม่ได้ทำมาสิบวันนี่ เหมือนเกิดใหม่เลยครับ โปรเจ็คใหม่ ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แรกๆ ยอมรับว่ารู้สึกโหยหาวันหยุดและบรรยากาศที่ได้อยู่กับเพื่อนในช่วงรับปริญญามาก แต่พอเวลาผ่านไป ความท้าทายกับสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในโปรเจ็คใหม่ มันกลับมาทำให้ผมสนุกที่จะทำมันอีกครั้ง อาจจะปวดหัวบ้างแต่ก็นับว่ามีความสุขดี ยิ่งในช่วงก่อนจะสิ้นปีต้องเรียนภาษาใหม่อย่าง C++ 11 ซึ่งลบภาพที่ผมเข้าใจเกี่ยวกับภาษา C++ ที่เคยรู้จักไปหมดเลยยิ่งทำให้ผมมีเป้าหมายมากขึ้นและมีอะไรตื่นเต้นๆ ให้ทำมากขึ้นจนเลิกพูดถึงคำว่าเบื่อไปได้เลย

       เรื่องอื่นๆ ในปีนี้นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นคือเป็นปีที่ผมเดินทางมากที่สุดปีหนึ่งได้มีโอกาสไปกาญจนบุรี, ปราณบุรี, เชียงใหม่ ฯลฯ ต้องขอบคุณทุกคนที่ชวนไปด้วยทุกทริปเลย ไม่งั้นก็คงได้นั่งอืดอยู่ที่หอ ได้บอกความรู้สึกของตัวเองที่เป็นมาอยู่ 6 ปีออกไป ได้ไปเข้าค่าย Spartan 3.0 ได้ Meeting กับเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันครั้งแรก ได้ไปพูดที่ Barcamp Bangkok ได้ย้ายมาอยู่เอกมัย ได้เป็นหนี้ ได้ปลดหนี้ ไปยืนถ่ายรูปอยู่ตรงกลางระหว่างคนชุมนุมประท้วงกับทหารตอนเริ่มรัฐประหารใหม่ๆ ฯลฯ ผมไล่ไม่หมดหรอกครับ ส่วนหนึ่งเพราะผมจำไม่ได้ อีกส่วนคือ มันจะทำให้เอนทรี่นี้ยาวเกินไป ซึ่งตอนนี้ก็ยาวชิปหายละ
       สรุปง่ายๆ ว่าปีนี้เป็นปีที่เปลี่ยนแปลงและผมไม่ได้แค่พูดมันออกมาเท่ห์ๆ แต่มันเปลี่ยนแปลงจริงๆ ในทุกๆ อย่างที่ผ่านเข้ามา และสำหรับปี 2015 นี้ผมมีแผนสำหรับมันไว้แล้วครับ แต่ปีนี้ขอเก็บไว้เงียบๆ แล้วค่อยมาสรุปทีเดียวปลายปีหน้าดีกว่า ก็จบแล้วครับ ขอบคุณครับที่สละเวลาอ่านเรื่องของผมมาจนถึงบรรทัดนี้ มันยาวจริงๆ นะให้ตายสิ -_-

Bangkok Marathon 2014 -- First Mini marathon (10.5K)
ปล.ที่ผมกล้าพูดเรื่องเบื่อออกมาตรงๆ ได้ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและผมได้ปรึกษาเรื่องนี้ด้วย บทสนทนาหลายๆ อย่างได้ทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่างจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งครับ

Comments

Patsakorn said…
bye 2014
hi 2015
miss youuuuu ^^