รับปริญญา ตอนที่ 1


       ตามความตั้งใจเดิมแล้วผมไม่เคยคิดเลยว่าจะเขียนเรื่องรับปริญญาของตัวเองลงในบล็อกนี้เลย เหตุผลง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะในตอนนั้นผมไม่คิดที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการหรือขั้นตอนต่างๆ ของงานนี้เลยด้วยซ้ำ แต่พอถึงจุดนี้ (วันที่ 10 พ.ย. ) ผมว่าความรู้สึกที่ได้รับตลอดสองสามวันที่ผ่านมานั้น มากมายจนแทบจะเก็บไว้ในหัวไม่อยู่ มันเลยเป็นที่มาของเรื่องยาวสองตอนที่คุณกำลังอ่านอยู่ในขณะนี้

       เรื่องทั้งหมดมันเริ่มขึ้นเมื่อหลายเดือนที่แล้ว แต่ถ้านับจริงๆ ก็อาจจะเริ่มเมื่อประมาณ 5 ปีที่หลังจากที่ผมรู้ตัวว่าสอบตรงติดวิศวะฯ ลาดกระบัง ได้ไม่นานเส้นทางนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น ผ่านไปสี่ปีนิดๆ เส้นทางนั้นก็สิ้นสุดลง ผมพ้นสภาพนักศึกษาอย่างไม่เป็นทางการมาแล้วกว่า 7 เดือน ซึ่งเวลา 7 เดือนที่ว่านี้ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่แตกต่างจากชีวิตนักศึกษาไม่มากเท่าไร ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาผู้คนที่ผมรู้จักมาตลอด 4 ปีในชีวิตมหาลัย ก็ค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน คนที่เคยสนิท ที่เคยคุยกันหลายคน กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า มาคิดๆ ดูมันก็ใจหายไม่น้อย จนในท้ายที่สุดแล้วเราก็ลืมความรู้สึกใจหายนั้นไป จนกระทั่งวันเสาร์ที่ผ่านมา
       วันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันถ่ายรูปหมู่ครับ สิ่งที่ลาดกระบัง แตกต่างจากหลายมหาลัยคือ เราไม่รวมวันถ่ายรูปหมู่กับวันซ้อม ไว้ด้วยกัน ซึ่งทำให้วันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันของ เพื่อน พี่ น้อง จริงๆ แล้วยอมรับโดยแท้จริงนะครับ หลังจากรับงานถ่ายรูปรับปริญญามา 2 ครั้งผมบอกเลยว่าผมโคตรขี้เกียจไปงานนี้เลย เพราะมันเหนื่อยและจะเหนื่อยมาก แต่สุดท้ายผมก็ไปและผมบอกได้เลยครับว่า มันเหนื่อยกว่าสมัยรับงานถ่ายรูปหลายเท่า

Credit: https://www.facebook.com/kmitl001
       ผมพิจารณาตัวเองอยู่ในกลุ่มที่คนรู้จักน้อยมาโดยตลอดในช่วง 2 ปีหลัง หลังจากที่ผมเลิกทำกิจกรรมแล้วโฟกัสที่เรื่องเรียนเป็นหลัก ความสัมพันธ์กับผู้คนของผมเหลือกลุ่มน้อยลงเรื่อยๆ และเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือประจำอยู่ไม่กี่คน ตอนช่วงเช้าก่อนเข้าไปถ่ายรูปหมู่นั้นผมแทบไม่รู้เลยว่าจะถ่ายรูปกับใคร คือ ใช่มันมีแต่เพื่อนภาคที่เจอกัน แต่ก็รู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่จะเป็นคนขอไปถ่ายด้วย พูดง่ายๆ ว่าผมอายนั่นแหละซึ่งก็ไม่น่าจะแปลกเท่าไร เพราะผมเป็นคนที่อยู่หลังกล้องมาโดยตลอดหลายปี นิสัยนี้ติดมาไม่เคยหาย
       พอเดินไปถ่ายรูปหมู่ ได้เดินผ่านพื้นที่ภาคอื่นในขณะ เริ่มเจอคนที่เคยรู้จักความรู้สึกว่างเปล่าแบบแปลกๆ มันก็ค่อยๆ โถมเข้ามา คนที่เคยเห็นหน้ากันมาตลอด 4 ปี สามารถระบุได้นะว่า รุ่นเดียวกันนะ คณะเดียวกันนะ คนที่ไม่เคยหน้ามาหลายเดือน ความรู้สึก ความทรงจำต่างๆ มันก็เริ่มจะกลับมา
       ก่อนเข้าไปถ่ายรูปหมู่ต้องรวมแถวอยู่ข้างหน้า แล้วคนที่คอยจัดแถวก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นอาจารย์ ที่ผมไม่เคยรู้ชื่อจริงอาจารย์เลย อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทีมซอฟท์บอลลาดกระบัง ที่ผมมีโอกาสได้เล่นด้วยเป็นเวลาสั้นๆ สมัยอยู่ปี 1 เป็นอาจารย์คนแรกๆ ที่ผมรู้จักในลาดกระบัง สมัยเรียนอยู่มักจะเจอกันบ่อยตอนกินข้าวเช้าที่โรงแอลทุกๆ เช้า พอเดินเข้าไปข้างในความรู้สึกแรกคือ สแตนด์สูงมากครับ เป็นความบังเอิญนิดหน่อยที่คนที่ยืนติดกับผมและอยู่ข้างหน้าผมนั้นเป็นเพื่อนสนิทผมทั้งคู่ อาจจะต่างภาคกัน แต่ก็มีความทรงจำหลายๆ อย่างร่วมกัน พอถ่ายรูปเสร็จต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป
       ตลอดช่วงบ่ายวันนั้นถึงแม้ผมจะคิดว่าตัวผมเองนั้นแทบจะไม่มีใครรู้จักเลยนั้น แต่ก็ยังมีเพื่อน พี่ น้องที่รู้จักตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา มาถ่ายรูปและร่วมแสดงความยินดีด้วย มันบรรยายไม่ถูกแหะ คือความรู้สึกมันท่วมท้นมาก แต่ในขณะเดียวกันเราก็พลาดที่จะได้ถ่ายรูปด้วยกับหลายๆ คนที่มีความหมายกับเรา ซึ่งผมก็เชื่อว่าเพื่อนผม หลายๆ คนก็น่าจะรู้สึกอย่างเดียวกัน แต่สุดท้ายก็ยอมรับความจริงที่ว่า เราไม่สามารถถ่ายรูปกับทุกคนได้ ลึกๆ แล้วเราก็ได้แต่เก็บความเสียใจไว้ ก่อนเพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังคงอยู่
       ตอนใกล้ๆ จะสิ้นวันมันเหนื่อยมากครับ เหนื่อยจนแทบไม่มีแรงจะก้าวเดิน สภาวะแบบนี้นั้นเราไม่เคยเจอบ่อยๆ แน่ๆ แต่สิ่งที่บังเอิญมากก็คือ สองคนสุดท้ายที่ผมถ่ายรูปด้วยในวันนั้น เราเคยผ่านสภาวะแบบนี้ มาด้วยกันเมื่อหลายปีที่แล้ว แล้วพอเราเจอหน้ากันความรู้สึกเหล่านั้นมันก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งคงไม่มีคำพูดใดอธิบายความรู้สึกนี้ได้ดีกว่าภาพข้างล่างนี้


       วันต่อมาผมยังคงต้องตื่นเช้าอีกวัน มันเป็นวันซ้อมย่อย บรรยากาศตอนเช้าก่อนเข้าห้องซ้อมตั้งแต่อยู่บนโรงอาหาร จนถึงตั้งแถวแล้วเดินขึ้นไป มันทำให้ผมคิดถึงความรู้สึกสมัยเรียนอีกครั้ง มองไปทางไหนก็มีแต่คนที่เรารู้จัก อาจจะเคยพูดด้วย หรืออาจจะไม่เคยพูดด้วยเลยก็ตาม แต่เรารู้ว่าครั้งหนึ่งผู้คนเหล่านี้ คือคนที่ผ่านช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมาด้วยกันกับเรา มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลายๆ คนเปลี่ยนไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลายๆ คนยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน นอกจากนั้นแล้วการได้เจอลุงขายข้าวขาหมูโรงซี ที่ครั้งหนึ่งเคยยอมให้ผมกินฟรี (ซึ่งผมก็มาจ่ายภายหลัง) เพราะตอนนั้นแทบไม่มีตังค์ติดตัวเลย เสียดายที่ลุงแกปิดร้านไปแล้วตอนซ้อมย่อยเสร็จเลยไม่ได้ถ่ายรูปด้วยเลย
       บรรยากาศการซ้อมย่อยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก โชคดีที่กลุ่มที่ผมอยู่ด้วย (ภาคคอม + ภาคไอที) ซ้อมได้เก่งมาก อาจจะเป็นอย่างที่อาจารย์ปกรณ์ว่าไว้ก็ได้ว่า เราพูดด้วย Protocol เดียวกัน เลยทำเวลาได้ดีขึ้นทุกๆ รอบ แถมซ้อมเสร็จเป็นกลุ่มแรกเลย พอซ้อมเสร็จก็ได้เข็มวิทยฐานะมาครอง
       ตลอดทางที่ผมนั่ง Taxi กลับจากลาดกระบังในบ่ายวันนั้นความรู้สึกแปลกๆ มันก็เข้ามาอีก ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน หลายๆ ความทรงจำมันค่อยๆ ไหลเข้ามาแล้วกลั่นออกมาเป็นน้ำตาจริงๆ พอมาวันนี้ผมมานั่งคิดๆ ดูที่ผมรู้สึกอย่างนั้นอาจจะเป็นเพราะผมพยายามไม่คิดเรื่องพวกนี้เลยมาตลอดหลายเดือน เก็บเอาไว้ลึกมากในความคิด แล้วพอวันนั้นโลหะชิ้นเล็กๆ ที่มีชื่อผมสลักอยู่มันเหมือนกุญแจที่ไขมันออกมา พรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บไว้มาตลอดหลายปีให้ออกมาอีกครั้ง ทั้งความสุข ความเศร้า หลายๆ คนที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต สี่ปีที่ผ่านมามันยาวนานมากครับ แต่ในขณะเดียวกันมันก็สั้นมากเหลือเกินหากเรามองย้อนกลับไป... เขียนไปๆ อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ซึมมาอีกรอบ แปลกจริงๆ
...

       สุดท้ายแล้วผมขอบคุณทุกคนนะครับ ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับผมในวันนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นมาก กับการที่คนๆ หนึ่งจะมีคนเข้ามาร่วมยินดีมากมายขนาดนี้ 
- ขอบคุณนุก นิก ที่อุตส่าห์บินมาจากอุบลฯ เพื่อมาเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เจอกันกี่ทีก็คุยกันนานเหมือนเดิมและหลายครั้งเรื่องเดิมด้วย 
- ขอบคุณ พี่เต้ย พี่กิฟ น็อต พี่แอม พี่แป๋ม ที่เรารู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนแต่รู้ใจกันขนาดนี้ (ผมชอบของขวัญมากครับ)  
- ขอบคุณเจ เน็ต ใหม่ เมษ์ และเพื่อนชาว บ.พ. อีกหลายคนที่มาถ่ายรูปและแสดงความยินดีด้วยกัน ถึงแม้เราต้องทำให้รอนานมากก็เถอะ ต้องขอโทษจริงๆ อีกครั้ง 
- ขอบคุณน้องบิว น้องสุนนท์ น้องTanat Mongkonborrirug (พี่จำชื่อเล่นเราไม่ได้ซักที) น้องเต้ น้องมุก น้องน้ำพริก ที่มาถ่ายรูปด้วยกันนะ ทุกคนที่พี่เคยคุย เคยแนะนำอะไรไป หลายๆ ครั้งมันทำให้พี่ย้อนกลับมามองตัวเองด้วย อ่อแล้วก็ขอบคุณสำหรับหนังสือนะบิว
- ขอบคุณพี่เจ พี่ปาล์ม น้องป่าน น้องแนน น้องฟิฟ น้องเจมส์ น้องเกมส์ น้องคิดส์ สายเราอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่พอรวมกันแล้วทำให้ยิ้มได้ตลอดเลย แล้วก็ขอบคุณสำหรับของขวัญจากทุกคนเลยครับ ถ้ามีโอกาสพี่จะกลับมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ
- ขอบคุณพี่เบิร์ด พี่พัด พี่อ้อม พี่แผ่นดิน พี่มิ้น น้องปอม น้องเพชร น้องนิว น้องมะนาว สำหรับของขวัญ มาถ่ายรูปด้วยกัน และดูแลกันและกันมาตลอดสี่ปี ผมอาจจะไม่สนิทกับเพื่อนห้องมากแต่สำหรับสายรหัสห้องมันเกินกว่าคำว่าสนิทไปแล้ว นอกจากนั้นปีนี้สายเรารับกันตั้งสองคน !! แต่เสียดายปีหน้ายังไม่มีใครจบเลยไม่รู้ว่าบรรยากาศแบบนี้จะมีกันอีกเมื่อไร
- ขอบคุณเพื่อนๆ ภาคไอทีที่อยู่ร่วมกันมาตั้ง 4 ปีหลายคนผมไม่เคยรู้จักหรือไม่มีโอกาสคุยด้วยเลย อาจจะไม่ได้ถ่ายรูปด้วยครบทุกคน แต่รูปหมู่ใต้โหลก็น่าจะติดกันไปบ้างแหละ
- ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ BP@KMITL ที่มาถ่ายรูปแสดงความยินดีด้วยกัน พี่ชอบรูปที่น้องเลือกมาให้มากเลยนะ มันบ่งบอกถึงตัวตนจริงๆ
- ขอบคุณน้องซีอิ๊ว เบล เนียร์ แฟก ไว ฟาร์ม ตั๊ก โน่ โก้ ไอบีม กอไผ่ หลง ออย มอสที่มาถ่ายรูปด้วยกันและก็ของขวัญกับคำอวยพรด้วยแต่ละคนมีเอกลักษณ์มาก แล้วก็พี่คงไม่มีวันนี้ถ้าไม่มีพวกเรากับกลุ่มเรา อ่อขอบคุณพี่โชคด้วยครับ สำหรับ Statement ที่มีความหมายมาก และก็พี่ฮอนด้านะครับที่มาถ่ายรูปด้วยกัน เหมือนจะไม่สนิทกัน แต่บางทีก็สนิทกัน งงมั้ยครับ
- ขอบคุณหวาน แป้ง ที่มาเจอกันเสียดายไม่ได้รับพร้อมกัน ไม่ได้ใส่ครุยแดงเหมือนกัน แต่ความทรงจำดีๆ หลายๆ อย่างก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
- ขอบคุณช้วนที่โทรหาแล้วมาถ่ายรูปด้วยกัน บุ๋มบิ๋ม เราบังเอิญเจอมากแต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่ยอมพลาดแน่ ธันวา แบงค์ สองคนสุดท้ายความรู้สึกเก่าๆ มันกลับมาอีกครั้ง เสียดายที่เราไม่ได้ไปถ่ายกับเพื่อน Staff Cheer 49 ที่เหลือ
- ขอบคุณพี่หนึ่ง 0 นะครับที่มาถ่ายรูปด้วยกัน ถึงขนาดขับๆ รถอยู่แล้วจอดกลางถนนเลย เป็นภาพที่ประทับใจไม่ลืมเลยครับ
       ยังมีอีกหลายคนที่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อผมคงต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับคำอวยพรทุกช่องทางเลย และคนสุดท้ายที่จะไม่ขอบคุณไม่ได้คือ พี่แดน พี่แท้ๆ ผมนี่แหละครับที่ยอมมาเดินถ่ายรูปให้ตั้งแต่เช้าจนเย็นให้แถมยังช่วยจัดท่าหา Prob ด้วยโดยที่ไม่บ่นเลยแม้แต่คำเดียว ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ ขอบคุณจริงๆ

ปล.รูปที่เหลือถ้ามีเวลาจัดการแล้วจะรีบลงให้ไวที่สุดเลยครับ


Comments