Development Environment ตอนแรก

       เคยรู้สึกมั้ยครับเวลาเราทำอะไรซักอย่างแล้วมันมีโมเมนตัมเกิดขึ้น จนเรารู้สึกว่าไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้และเราต้องทำอะไรบางอย่างนั้นสำเร็จได้แน่ๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นทำให้จังหวะที่กำลังเกิดขึ้นนั้นหยุดชะงัก แล้วสิ่งนั้นอาจทำให้โมเมนตั้มที่ก่อตัวขึ้นมาหายไปก็เป็นได้
       ประมาณช่วงสัปดาห์ที่แล้ว M$ ได้ปล่อยแพทช์อะไรบางอย่างออกมาซึ่งทำให้ Windows 8.1 ที่ผมใช้งานอยู่แบบเถื่อนๆ นั้นใช้งานไม่ได้อย่างปกติ คอยมีหน้า activate windows เด้งขึ้นมาทุกๆ 1 ชม. ซึ่งแรกๆ ก็ทนอยู่ได้หรอกครับ แต่พอนานๆ ไปทนไม่ไหวแล้วว้อย ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนิดนึงที่ว่าไม่ใช่คนเดียวที่เจอปัญหานี้ อย่างไรก็ตามเพื่อนผมคนนั้นแก้ไขปัญหานี้ด้วยการกลับไปใช้ windows 7 ซึ่งยาแก้ไอยังใช้ได้ผลดีอยู่ แต่สำหรับผม ผมพอแล้วครับมันถึงเวลาที่ผมต้องกลับบ้าน กลับไปหาสิ่งที่คุ้นเคย ใช้ครับ ผมกลับไปหา Linux อีกครั้ง

       ผมเป็น Linux User มาหลายปีครับ แล้วยังคงเป็นอยู่ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ระบบปฏิบัติการหลักที่ผมใช้ในการพัฒนาโปรแกรม ตัวผมเองนั้นครั้งสุดท้ายที่ใช้ Linux Desktop เป็นหลักก็คือช่วงฝึกงานและเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องใช้ Linux Mint ในตอนนั้นคือตัวไดร์เวอร์ของ Alfa AWU036NHR ใน windows มันต่อเน็ต TRUEWIFI ไม่ได้ครับ พอหลังจากฝึกงานเสร็จก็กลับมาใช้ Windows เหมือนเดิมเพราะต้องเริ่มปั่นเล่มโปรเจ็ค โอเคทะเลมากเกินไปแล้วกลับเข้าเรื่องกันดีกว่า
       ผมเลือก ubuntu desktop 13.10 เป็นตัวเลือกแรกครับ เพราะอยากกลับไปดูว่าสมัยนี้มันไปถึงไหนกันแล้ว ตอนลงครั้งแรกผมเจอ Culture shock เลยคือ ปกติเวลาเราลง ubuntu server เราจะมีตัวเลือกหลายๆ อย่างให้ปรับแต่งได้เยอะมาก แต่ตัว desktop ผมเพิ่งรู้ว่ามันเรียบง่ายขึ้นเยอะครับ เรียบง่ายจนเกินไป เรียบง่ายจนทำผมงง แต่พอเริ่มปรับตัวได้ ผมว่า canonical มาถูกทางนะ การที่ทำให้การติดตั้งหลายๆ อย่างมันเป็นมิตรมากขึ้นกับผู้ใช้น่าจะทำให้ได้ผู้ใช้รายใหม่ๆ เพิ่มเข้ามามากขึ้น

       แต่ผมอยู่กับ ubuntu desktop ได้ไม่ถึงวัน เหตุผลหลักเลยเป็นเพราะโน๊ตบุ๊คที่ผมใช้ Thinkpad Edge 11 นั้นความสามารถทางกราฟิกมันต่ำมาก ต่ำจนผมทนอยู่กับ unity ไม่ไหวเลย จนทำให้ผมตัดสินใจกลับไปหา Linux Mint อีกครั้งโดยหวังว่า Cinnamon จะไม่ทำร้ายเครื่องผมมากเกินไป แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ผมอยู่บน Linux Mint ได้เกือบสองอาทิตย์ส่งงานจบไปอีก 1 release ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวยครับ จนกระทั่งคืนวันหนึ่งผมเปิดคอม monitor ตัว apache2 ไว้ทั้งคืนแล้วตื่นมาค้นพบว่า Xorg มันพังครับ ชีวิตในตอนนั้นเหมือนหนีเสือปะจรเขร้ เขร้!! 
       สุดท้ายครับหรืออย่างน้อยก็ในตอนนี้ ผมกลับมาหา Fedora ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล OS ที่ผมพยายามเลี่ยงมาตลอด ผมค้นพบอย่างรวดเร็วว่า gnome สมัยนี้มันก็เปลี่ยนไปแหะ ไม่มีอีกแล้วบาร์บนล่าง การตอบสนองต่อการใช้งานก็ถือว่าไม่อืดเกินไป อาจต้องปรับตัวกับ yum นิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก (เพราะเคยไปใช้ตัวแปลกๆ อย่าง pacman มาแล้วแค่นี้เรื่องเล็กมาก) ข้อเสียอย่างเดียวที่เจอตอนนี้คือ fonts มันไม่คมเลยจริงๆ

Comments