Get back on the same route like before

http://rrrrrrrroll.tumblr.com/post/31922665563/r-53
"โลกไม่ได้เปลี่ยนไป มีแต่จิตคนเราที่เปลี่ยนทำให้เรามองโลกในมุมที่ต่างออกไป"

     มันเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่ผมทิ้งข้อความสุดท้ายไว้ที่นี่ ที่ๆ ช่วงเวลาระหว่างนั้น ผมไม่อยากจะจดจำมันอีกต่อไป มันเป็นช่วงเวลาที่เป็นสุญญากาศ ช่วงเวลาที่ผมสูญเสียสมดุลหลายๆ อย่างในชีวิตไป Rise and Fall , เกิด แก่ เจ็บ ตาย สุดท้ายทุกสิ่งมีเกิดและต้องมีดับ ในข้อความที่แล้วผมคาดว่าผมเพิ่งจะผ่านพ้นจุดที่ยากที่สุดไป แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงล้มเหลว "ก็เหมือนทั่วไป ชีวิตก็แบบนี้"
     เพื่อนคนเดียวที่ผมมีตอนนั้นคือความเศร้าหรือเรียกอีกอย่างว่าความทุกข์ พอมีคนถามผมมักจะตอบว่า ช่วงนี้ผมมีปัญหานิดหน่อย โดยที่เลี่ยงที่จะตอบว่ามันคืออะไร ทุกอย่างที่ผมชอบ ที่ผมรัก ผมเกลียดมัน สิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตช่วงนั้นเป็นสีเทา ผมไม่เห็นสีสันอีกต่อไป
   
     เวลาแค่อย่างเดียวช่วยเราไม่ได้ มันจำเป็นต้องมีสิ่งอื่น ผมหมกมุ่นอยู่กับงานมากขึ้น ทุ่มเทให้กับงานมากขึ้น ในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาความรู้ในสิ่งที่ผมควรจะรู้เกี่ยวกับ System Administration ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากหากเทียบกับตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้พิสูจน์มาแล้วยกตัวอย่างเช่น มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก และ facemash.com นอกจากนั้นผมกลับมาอ่านหนังสือ เหมือนอย่างที่เคยอ่านสมัยก่อน บางทีเพียงแค่การอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ในหอสมุดสักแห่ง ความสงบที่ได้รับนั้นช่วยเราได้มากทีเดียว แถมยังได้แรงบันดาลใจเป็นของแถมอีกด้วย

     แต่ผมก็ต้องเลือกที่จะหยุดทำในสิ่งที่ผมรัก ผมเลิกที่จะทำเชียร์ สิ่งที่ผมรักมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมาผมเคยคิดไว้ว่าสักวันหนึ่งก็ต้องเลือกที่จะเลิก แต่พอถึงเวลาที่เราเลิกที่จะทำแล้วนั้น การตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตมันเป็นอะไรที่ยากมาก การเรียนในสาขาวิศวกรรมสอนให้เราคิดอย่างเป็นตรรกะ เป็นเหตุเป็นผล นั่นส่งผลให้ผมคิดถึงผลที่จะตามมาก่อนที่จะเลือกทำเสมอ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องเลือก และผมตัดสินใจเลือกไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมฝากไว้คือความคิดที่ผมอยากจะถ่ายทอดมาตลอด มันเป็นเรื่องที่หลายคนไม่เข้าใจ และดูถูกมันด้วยความเขลา อย่างไรก็ตามมันคงต้องใช้เวลากว่าที่คนเหล่านั้นจะเข้าใจในที่สุด

     ก่อนที่ฉันจะกล่าวต่อไป ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่าฉันได้ทำการปรึกษากับหลายๆ ท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว ก่อนที่ฉันจะปลงใจทำเช่นนี้     ฉันขอพูดถึงตัวฉันบ้าง ฉันเริ่มต้นจากไม่่รู้จักใคร ฉันทุ่มเทกายและใจให้กับสตาฟเชียร์ ตอนนั้นฉันดีใจมาก ที่ในที่สุดแล้วฉันก็ได้เป็น ได้ดูแล ได้สอนน้อง อย่างที่ฉันต้องการมาตลอด เป็นช่วงเวลาที่ฉันจะไม่มีวันลืม ช่วงเวลาที่ฉันได้มีไปพร้อมกับพวกเธอ     ปีถัดมาฉันก็กลับมาทำมันอีกครั้ง ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ไม่อยากให้ฉันทำต่อ แต่ฉันก็ทำถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้ผ่านไปพร้อมกันอย่างปีก่อน แต่ก็ผ่านมันมาได้ 2 ปีที่ผ่านมาพวกเธอได้สร้างอะไรหลายๆ อย่างฝากไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้สึกเหมือนฉันไหม แต่ฉันว่าหลายๆ อย่างมันกำลังเปลี่ยนไป     กาลเวลาผ่านไปคนหลายคนเปลี่ยนไป ฉันก็เปลี่ยน ความศรัทธาและความเชื่อในตัวฉันก็เปลี่ยน ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันคงไม่สามารถก้าวต่อไปในเส้นทางสายนี้กับพวกเธอได้อีก ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไม่ทำเชียร์ต่ออีกแล้ว
     ฉันคงเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตุการณ์คอยดูพวกเธอก้าวผ่านมันไป ฉันได้แต่หวังว่าพวกเธอจะผ่านมันไปได้อีกครั้งเหมือนที่เราผ่านมันมาตลอด และไม่ว่าพวกเธอจะทำมันให้ออกมาดีหรือแย่ ฉันก็จะไม่ขัดขวางพวกเธอ เพราะฉันเชื่อว่าการตัดสินใจของพวกเธอนั้นดีที่สุดสำหรับส่วนรวมแล้ว
     ฉันอาจจะไม่ค่อยได้คุยกับพวกเธอบ่อยอีกแล้ว เพราะหลังจากนี้ฉันคงทุ่มเวลาให้กับงานสำนักวิจัยที่ฉันรับผิดชอบอย่างเต็มตัว มีบางสิ่งที่ฉันอยากจะบอกให้พวกเธอไปลองคิดกันดู
     อย่างแรกพวกเธอคงรู้แก่ใจดีว่า อำนาจที่พวกเธอได้มานั่นเป็นอำนาจที่ไม่ชอบธรรม น้องปีหนึ่งเหล่านั้นไม่ได้เลือกให้เธอมาปกครองพวกเขา แต่เธอเลือกที่จะมาปกครองพวกเขาเอง การใช้อำนาจนั้นควรจะกระทำอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และสิ่งที่ฉันพูดถึงบ่อยที่สุดก็คือการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม นั่นจะทำให้เกิดการแตกแยกน้อยที่สุด อย่าให้เกิดกรณีอย่างปีนี้อีกที่ทุกคนรู้กันดีอีก และจะเป็นการดีต่อการปกครองของพวกเธอ รวมถึงเชียร์ที่จะทำต่อไปด้วย
     อย่างที่สองฉันคิดเสมอว่าคนเหล่านั้นคือน้อง ฉันไม่เคยพูดว่าน้อง ถึงแม้มันจะแย่สักแค่ไหน แต่มันก็ยังเด็กอยู่ และยังไงก็เป็นน้องของพวกเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพึงระลึกไว้เสมอว่าการใช้อารมณ์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
     สุดท้ายมีคำพูดหนึ่งที่ฉันอยากจะฝากพวกเธอ ฉันไม่ได้พูดเองหรอกเป็นของ "หลวงประดิษฐ์มนูธรรม" ท่านกล่าวไว้ว่า "ประชาธิปไตยต้องทำโดยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งหวังผลส่วนรวมจริงๆ ไม่ใช่มุ่งหวังผลส่วนตัว... ระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริงจึงจะเป็นไปได้"
ST'MAN
29 ส.ค. 55


     สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมเรียนรู้ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาวันส่วนใหญ่ในชีวิตคนเราไม่มีผลอะไรต่อการดำเนินชีวิต เหตุการณ์หลายๆ อย่างในชีวิตไม่มีอะไรอื่นนอกจากความบังเอิญ เราบังคับให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ แต่เราสามารถรับรู้ถึงมันได้เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว

Comments